แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า ซ. ยื่นคำร้องต่อโจทก์ซึ่งรับราชการเป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอ ขอรับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยโดยอ้างว่าสามีตนได้ช่วยเหลือทางราชการถูกคนร้ายยิงตาย ในการสอบสวนคำร้องดังกล่าว ซ. และพยานอีก 3 คนต่างให้การต่อโจทก์ว่า ซ. ได้สมรสกับสามีก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทางราชการจึงได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้ ซ. ไป ต่อมาปรากฏว่าถ้อยคำที่ ซ. กับพวกให้การต่อโจทก์นั้นเป็นความเท็จนายอำเภอจึงร้องทุกข์ต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่ ซ. กับพวกในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่จับกุมและดำเนินคดีแก่ ซ. และพวก และเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่ง ฟ้อง ซ. กับพวกจำเลยก็ไม่จับตัว ซ. กับพวกส่งให้พนักงานอัยการ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความจริงก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,165 และ189 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับราชการเป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอนาดูน นางซ้อนได้ยื่นคำร้องต่อโจทก์ขอรับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยอ้างว่านายตู้สามีได้ช่วยเหลือทางราชการถูกคนร้ายยิงตาย นางซ้อนกับพวกอีก ๓ คนได้ให้การต่อโจทก์ว่านางซ้อนได้สมรสกับนายตู้เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๔๗๘ ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทางราชการจึงได้จ่ายเงินให้นางซ้อนกับทายาทของนายตู้รับไป ต่อมาปรากฏว่าคำให้การของนางซ้อนกับพวกเป็นเท็จ นายอำเภอนาดูนจึงแจ้งความต่อจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรนาดูนให้จับกุมนางซ้อนกับพวกฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานจำเลยได้ช่วยเหลือผู้ต้องหาทั้ง ๔ คน โดยมิได้จับกุมและสอบสวน และเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนางซ้อนกับพวก จำเลยก็ไม่จับตัวนางซ้อนกับพวกส่งให้พนักงานอัยการ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๕, ๑๘๙, ๕๙, ๑๗๙
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องโจทก์เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วและพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของโจทก์พอสรุปได้ใจความว่าการที่จำเลยในฐานะพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินคดีแก่นางซ้อนกับพวกในข้อหาความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนนางซ้อนกับพวกที่ขอรับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัย การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และเป็นการป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่ง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๕ และเป็นการช่วยเหลือนางซ้อนกับพวกเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ไม่ให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๙ เห็นว่าการกระทำตามข้อกล่าวหาดังกล่าวของจำเลย ถึงแม้จะเป็นความจริงก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดดังกล่าวนั้นได้
พิพากษายืน