แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเนื่องจากผลแห่งการกระทำการตามหน้าที่ของผู้แทนกรมตำรวจจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ ให้โจทก์ซึ่งมีหน้าที่จัดการปลงศพของผู้ตายแม้จำเลยได้จัดงานศพให้ผู้ตายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เงินที่ใช้จ่ายไปในการจัดงานศพก็เป็นเงินที่ได้รับบริจาคมาจากผู้มาทำบุญในงานศพนั้น หาใช่เงินของจำเลยไม่จำเลยยังมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์ จะยกเอากรณีมีผู้บริจาคเงินให้มาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ตามกฎหมายกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์หรือทายาทอื่น ๆ ของผู้ตาย มิใช่กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่จัดงานศพให้ผู้ตาย การที่โจทก์สมัครใจรับศพผู้ตายไปทำพิธีเผาเอง จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของสิบตำรวจเอกนัดเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๒๒ เวลากลางคืน พลตำรวจพีระพงษ์เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอกันตัง ได้ออกปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลยที่ว่าจ้างได้ใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจเอกนัดถึงแก่ความตาย การกระทำของพลตำรวจพีระพงษ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยในฐานะเป็นกรมเจ้าสังกัดต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์คือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพตามประเพณีได้แก่ ค่าหีบศพ ๖๕๐ บาท ค่าเช่า ใบชาใส่หีบศพ ๖๕๐ บาท กรอบหีบศพ ๒๕๐ บาท ค่าดอกไม้ประดับที่หีบศพ ๑๐๐ บาท ค่าเลี้ยงแขก ๗,๕๐๐ บาท ค่ามหรสพ ๑,๗๐๐ บาท ค่าเงินถวายพระ ๙๗๐ บาทและค่าสิ่งของใช้บังสุกุล ๗๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๔๗๐ บาท ขอให้จำเลยชดใช้เงิน ๑๒,๔๗๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า พลตำรวจพีระพงษ์ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจเอกนัดถึงแก่ความตายโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจริง จำเลยในฐานะเป็นกรมเจ้าสังกัดและโดยพันตำรวจโทสุนทรสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอกันตังซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาได้จัดงานศพผู้ตายพิธีทางศาสนาและตามระเบียบราชการอย่างสมเกียรติโดยโจทก์และภรรยาผู้ตายได้ร่วมในการจัดงานศพครั้งนี้ด้วย ได้ใช้จ่ายเงินไป ๑๓,๖๘๕ บาท มีรายรับจากการทำบุญเป็นเงิน ๑๔,๖๘๕ บาท คงเหลือเงิน ๑,๐๐๐ บาท พันตำรวจโทสุนทรได้แบ่งเงินที่เหลือให้โจทก์และภรรยาผู้ตายคนละ ๕๐๐ บาท โดยโจทก์มิได้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพครั้งนี้แต่อย่างใด เมื่อได้จัดงานศพจนเสร็จพิธีทางศาสนาและระเบียบราชการแล้ว โจทก์ได้ขอรับศพผู้ตายกลับไปภูมิลำเนาเดิม ที่โจทก์อ้างว่าเสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ มีค่าหีบศพ ๖๐๐ บาท ค่าใบชาหีบศพ ๖๕๐ บาท ไม่เป็นความจริงเพราะจำเลยโดยพันตำรวจโทสุนทรได้ออกค่าใช้จ่ายนี้ไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแขกและค่ามหรสพก็ไม่เป็นความจริงและไม่มีความจำเป็น จำเลยได้จัดงานศพของผู้ตายดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยอีกต่อไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทางฝ่ายจำเลยได้เตรียมการจะเผาศพผู้ตายให้แต่โจทก์ไม่ยอมเพราะต้องการจะนำศพไปทำพิธีเผาเอง เป็นกรณีที่โจทก์สมัครใจยอมรับเอาภาระนั้นโดยไม่จำเป็น ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็ชอบที่โจทก์จะต้องรับผิดชอบเองโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑๑,๒๒๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับกันว่าที่สิบตำรวจเอกนัดบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายนั้นเกิดจากผลแห่งการทำการตามหน้าที่ของพลตำรวจพีระพงษ์ผู้แทนของกรมตำรวจจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ ให้โจทก์ซึ่งเป็นบิดาและทายาทของผู้ตาย ซึ่งมีหน้าที่จัดการปลงศพของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๖ ประกอบด้วยมาตรา ๔๔๓ วรรคแรก และมาตรา ๑๖๔๙ ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงโจทก์จะรับว่าทางราชการของจำเลยโดยพันตำรวจโทสุนทรได้จัดงานศพให้ผู้ตายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เงินที่ใช้จ่ายไปในการจัดงานศพดังกล่าวก็เป็นเงินที่ได้รับบริจาคมาจากผู้มาทำบุญในงานศพนั้น หาใช่เงินของจำเลยไม่ และเมื่อไม่มีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์ซึ่งเป็นบิดาและทายาทของผู้ตายจัดการปลงศพผู้ตายในกรณีที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยก็ต้องมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๖ ประกอบด้วยมาตรา ๔๔๓ วรรคแรก กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์หรือทายาทอื่น ๆ ของสิบตำรวจเอกนัดผู้ตาย มิใช่กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่จัดงานศพให้ผู้ตาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้จัดงานศพให้ผู้ตายจริง จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์ และศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อรวมค่าใช้จ่ายในการปลงศพผู้ตายที่โจทก์ใช้จ่ายไปดังกล่าวแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเพียง ๑๑,๐๕๐ บาทซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่จำเป็นและสมควรแก่ฐานะของผู้ตายแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์รวมจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์เป็นเงิน ๑๑,๒๒๐ บาทนั้นผิดพลาดไปเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๑,๐๕๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์