แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของเดิมได้ปลูกสร้างตึกแถวเลขที่ 40, 41 และ 42 ลงบนที่ดิน 2 แปลงของตนคือที่ดินโฉนดที่ 811 และ ที่ 237 ปรากฏว่าตึกแถวเลขที่ 41 ได้ปลูกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดที่ 811 ต่อมาที่ดินโฉนดที่ 811 พร้อมตึกแถวได้ตกเป็นของโจทก์ส่วนที่ดินโฉนดที่ 237 พร้อมทั้งตึกแถวได้ตกเป็นของจำเลยกรณีนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องนำบทกฎหมายที่ใกล้เคียงมาใช้บังคับคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 การที่ตึกแถวเลขที่ 41 ปลูกล้ำเข้าไปในโฉนดที่ 811 ของโจทก์นั้น เจ้าของเดิมเป็นผู้ปลูกหาใช่จำเลยไม่โจทก์จำเลยต่างรับโอนที่ดินและตึกแถวมาอีกทอดหนึ่งถือได้ว่าการรุกล้ำดังกล่าวเป็นมาโดยสุจริต จะให้จำเลยรื้อถอนไปหาชอบด้วยความยุติธรรมไม่และจะนำมาตรา 1310 มาปรับกับกรณีนี้ก็ไม่ได้ เพราะมาตรา 1310 เป็นบทบัญญัติกรณีที่ปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่ดินผู้อื่นทั้งหลัง มิใช่ปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินผู้อื่นเพียงบางส่วนเช่นกรณีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนฝาห้องเลขที่ 41 ออกไปจากที่ดินโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมนางเชียมมีที่ดิน ๒ แปลงคือแปลงโฉนดเลขที่ ๘๑๑ และโฉนดเลขที่ ๒๓๗ ที่ดินโฉนดที่ ๘๑๑ มีตึกแถวเลขที่ ๔๐ ปลูกอยู่ ส่วนโฉนด ๒๓๗ มีตึกแถวเลขที่ ๔๑ และ ๔๒ ปลูกอยู่ โดยเฉพาะตึกแถวเลขที่ ๔๑ ปลูกรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดที่ ๘๑๑ ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ ๘๑๑ พร้อมตึกแถวจากนางเชียมโดยตกลงกันด้วยวาจาว่า ถ้านางเชียมจะขายที่ดินโฉนดที่ ๒๓๗ พร้อมตึกแถวเลขที่ ๔๑ ให้แก่บุคคลอื่นนางเชียมจะต้องรื้อฝาห้องที่รุกล้ำและทำใหม่ให้ถูกต้องตามแนวเขต ต่อมานางเชียมแพ้คดีจำเลยโดยศาลพิพากษาให้ที่ดินโฉนดที่ ๒๓๗ กับตึกแถวเลขที่ ๔๑, ๔๒ เป็นของจำเลย โจทก์จึงให้ทนายมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยรื้อฝาห้องเลขที่ ๔๑ ที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อถอนฝาห้องเลขที่ ๔๑ และทำใหม่ให้ตรงแนวเขต
จำเลยให้การว่า ขณะที่ปลูกสร้างตึกแถวนั้นที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๓๗ เป็นของนายสุพล ต่อมาตกเป็นของจำเลยตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๔๓/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดนครพนม และตึกแถวเลขที่ ๔๑, ๔๒ ตกเป็นของจำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๗๐/๒๕๒๐ ของศาลจังหวัดนครพนม โดยจำเลยต้องจ่ายค่าที่ดินที่ตึกแถวเลขที่ ๔๑ รุกล้ำแก่นางเชียมเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องนำบทกฎหมายที่ใกล้เคียงมาใช้บังคับ คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ การที่ตึกแถวเลขที่ ๔๑ ปลูกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๑๑ ของโจทก์นั้นนางเชียมเจ้าของเดิมเป็นผู้ปลูกสร้างมิใช่จำเลยปลูกสร้าง ทั้งโจทก์และจำเลยต่างรับโอนที่ดินและตึกแถวมาอีกทอดหนึ่ง ถือได้ว่าการรุกล้ำดังกล่าวเป็นมาโดยสุจริต จะให้จำเลยรื้อถอนไปหาชอบด้วยความยุติธรรมไม่ เพราะแม้แต่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปโดยสุจริต โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอน คงมีแต่สิทธิเรียกค่าใช้ที่ดินเท่านั้น
พิพากษายืน