คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ และเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงชื่อแทนธนาคารจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อและประทับตราสลักหลังเช็คพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์อันแสดงว่า กระทำแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ โดย ส. ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์รู้เห็นและยินยอมด้วยเช่นนี้แม้การกระทำของจำเลยที่ 3 จะเกินอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากธนาคารจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่การปฏิบัติของ ส. ผู้มีอำนาจกระทำแทนธนาคารจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 อยู่ภายในขอบอำนาจที่จะสลักหลังเช็คแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ ธนาคารจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ นาวาอากาศเอกสมองค์เป็นผู้พิทักษ์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ ๒ ฉบับลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ จำนวนเงินฉบับละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายชำระราคาที่ดินที่ซื้อไปจากโจทก์ เช็คทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวจำเลยที่ ๓ ในฐานะตัวแทนของธนาคารจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลัง ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดจ่ายเงินแล้วโจทก์ได้เรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าเช็คตามฟ้องออกให้เป็นประกันการชำระราคาที่ดินต่อมาจำเลยที่ ๑ ชำระราคาที่ดินให้ผู้พิทักษ์โจทก์ครบถ้วนแล้ว เช็คจึงไม่มีมูลหนี้ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ไม่ได้สลักหลังเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ ๓ ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ไม่เคยมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๓ สลักหลังหรือรับรองเช็คจำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ผู้พิทักษ์โจทก์ จำเลยที่ ๑ กับพวกและจำเลยที่ ๓ ร่วมกันฉ้อฉลจำเลยที่ ๒ ทำเช็คทั้งสองฉบับปลอมขึ้นแล้วให้จำเลยที่ ๓ สลักหลังว่ากระทำแทนจำเลยที่ ๒ เพื่อเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ ๒ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันใช้เงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาททั้งสองฉบับซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์และประทับตราแสดงว่ากระทำแทนธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ โดยนายสมศักดิ์ ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์รู้เห็นและยินยอมด้วย ถือว่าธนาคารจำเลยที่ ๒ รู้เห็นและยินยอมในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่นายสมศักดิ์ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ รู้เห็นและยินยอมให้จำเลยที่ ๓ ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ แม้ตราที่ประทับจะใช้สำหรับกิจการสลักหลังเช็คของลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารอื่นและการกระทำของจำเลยที่ ๓ จะเป็นการเกินอำนาจก็ตาม แต่การปฏิบัติของนายสมศักดิ์ และจำเลยที่ ๓ ทำให้โจทก์และผู้พิทักษ์โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ ๓ อยู่ภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ ๓ มีอำนาจที่จะกระทำการสลักหลังเช็คแทนธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาราชวงศ์ได้ธนาคารจำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๒ และมาตรา ๘๒๑
พิพากษายืน

Share