คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3131/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างกำหนดว่า ห้ามลูกจ้างเสพสุราเครื่องดื่มดองของเมาหรือจนเป็นโรคติดสุราเรื้อรัง นายจ้างย่อมเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังได้ตามข้อบังคับดังกล่าว กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๕ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าบกพร่องในการทำงานเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ต้องเสียหายเป็นเงิน ๑๖,๕๐๐ บาท จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๖,๕๐๐ บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๒,๗๕๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบเพราะโจทก์มาทำงานสายและขาดงานบ่อย จำเลยเคยตักเตือนโจทก์แล้วและโจทก์มีสุขภาพไม่ค่อยดีปฏิบัติงานในหน้าที่ไม่ดีเท่าที่ควร จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังทำงานในหน้าที่ได้ไม่เต็มที่โดยขาดงานและทำงานสายบ่อย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม แต่จำเลยเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๒,๗๕๐ บาท ให้โจทก์คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหมวด ๑๐ วินัยของพนักงานข้อ ๘ กำหนดว่า “ห้ามเสพสุราเครื่องดื่มดองของเมาหรือยาเสพติดให้โทษที่ที่ทำงานของบริษัทฯ หรือจนเป็นโรคติดสุราเรื้อรังและติดยาเสพติดให้โทษ” และหมวด ๑๑ การลงโทษข้อ ๑ กำหนดว่า “โทษทางวินัยกำหนดไว้ ๕ สถานคือ ๑. ตักเตือนด้วยวาจา ๒. ตักเตือนด้วยลายลักษณ์อักษร ๓. ภาคทัณฑ์โดยการทำทัณฑ์บน ๔. ตัดเงินค่าจ้าง ๕. ไล่ออก” ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ทำงานในหน้าที่ได้ไม่เต็มที่โดยขาดงานและทำงานสายบ่อย จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้ตามข้อบังคับดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน

Share