คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ประกันทำสัญญาประกันจำเลยต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันอ้างว่าผิดสัญญาประกัน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับโดยฟังว่าผู้ประกันยังมิได้ผิดสัญญาประกัน เช่นนี้สัญญาประกันยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน เพราะสัญญาประกันมีผลผูกพันผู้ประกันอยู่จนกว่าผู้ประกันจะนำจำเลยส่งมอบต่อศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่กล่าวหาว่ากระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และผู้ประกันทั้งสองได้ทำสัญญาประกันจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันทั้งสองฐานผิดสัญญาประกัน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นไม่ปรับ ศาลชั้นต้นจึงสั่งนัดสืบพยานโจทก์ต่อไปและมีคำสั่งให้ผู้ประกันทั้งสองส่งตัวจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ต่อศาล ครั้นถึงวันนัดผู้ประกันที่ ๒ ขอเลื่อนการส่งตัวจำเลย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและมีคำสั่งว่าผู้ประกันทั้งสองผิดสัญญาประกัน ให้ปรับเต็มตามสัญญาประกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เนื่องจากผู้ประกันที่ ๒ นำจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ส่งศาล ศาลชั้นต้นจึงลดค่าปรับตามสัญญาประกันสำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จากคนละแปดหมื่นบาทตามสัญญาเหลือคนละหนึ่งหมื่นบาทต่อมาผู้ประกันที่ ๒ ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับสำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ อีกศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ผู้ประกันที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์ อ้างว่าการที่ศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนคำสั่งปรับของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นไม่ได้ให้ผู้ประกันทำสัญญาประกันใหม่หรือตกลงให้ถือสัญญาเดิม สัญญาประกันเดิมย่อมสิ้นสุดโดยปริยาย ผู้ประกันจึงหลุดพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาประกัน
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ประกันที่ ๑ ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต และพิพากษายืน
ผู้ประกันที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาประกันข้อ ๑ กำหนดว่า ข้าพเจ้าสัญญารับประกันตัวนางบุญเรือง อู่ธนา นายสถิตย์ อิงคนินันท์ และนายเกรียงศักดิ์ สมุทรักษ์ จำเลยคดีนี้ เพื่อให้ศาลปล่อยชั่วคราวจนกว่าข้าพเจ้าได้นำนางบุญเรือง อู่ธนา นายสถิตย์ อิงคนินันท์ และนายเกรียงศักดิ์ สมุทรักษ์ มอบตัวต่อศาลและศาลสั่งให้ถอนประกันหรือปล่อยตัวไป และสัญญาข้อ ๒ มีว่า ในระหว่างประกันนี้ข้าพเจ้าหรือนางบุญเรือง อู่ธนา นายสถิตย์ อิงคนินันท์ และนายเกรียงศักดิ์ สมุทรักษ์ จะปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาลมิฉะนั้นข้าพเจ้ายอมรับผิดชอบใช้เงินเป็นจำนวนคนละแปดหมื่นบาทให้แก่ศาลจนครบ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๒ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ในวันดังกล่าวปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งให้ผู้ประกันทั้งสองส่งตัวจำเลยทั้งสามต่อศาล ศาลอุทธรณ์จึงไม่ปรับผู้ประกันทั้งสองเห็นว่าเงื่อนไขในสัญญาประกันที่ผู้ประกันที่ ๒ ทำไว้ต่อศาล เมื่อศาลยังไม่ได้สั่งให้ถอนประกันหรือปล่อยตัวจำเลย สัญญาประกันที่ทำไว้ยังคงมีผลผูกพันผู้ประกันที่ ๒ อยู่จนกว่าผู้ประกันที่ ๒ จะนำตัวจำเลยมามอบคืนต่อศาล เมื่อผู้ประกันที่ ๒ ส่งตัวจำเลยตามนัดไม่ได้ ย่อมถือว่าผู้ประกันที่ ๒ ผิดสัญญาประกัน
สำหรับฎีกาของผู้ประกันที่ ๒ ที่ขอลดค่าปรับลงอีกนั้น ศาลฎีกาเห็นชอบด้วยกับดุลพินิจของศาลล่างทั้งสองที่ปรับผู้ประกันสำหรับจำเลยรวม ๓ คนเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
พิพากษายืน

Share