คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ได้รับอนุญาตให้ถอนฟ้องฎีกาสำหรับลูกจ้างแล้วคดีเกี่ยวกับลูกจ้างเป็นอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าให้ลูกจ้างร่วมกับนายจ้างชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งอันเป็นการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้โจทก์ยังคงฎีกาให้นายจ้างรับผิดเพิ่มขึ้นนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น นายจ้างไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่าที่ลูกจ้างจะต้องรับผิด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2524)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งเป็นนายจ้าง จำเลยที่ ๔ เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยคันเกิดเหตุ ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๔ ให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๒๘,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ เป็นเงิน ๗๘,๐๐๐ บาท ยกฟ้องสำหรับโจทก์ที่ ๔
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ เป็นเงิน ๑๑๐,๐๐๐ บาท ยกฟ้องโจทก์ที่ ๔
โจทก์ทั้งสี่ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ที่ ๒ และที่ ๓ น้อยกว่าความเสียหายที่แท้จริง ขอให้พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มขึ้น
ก่อนส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาแก่จำเลยที่ ๑ ที่ ๔ โจทก์ทั้งสี่ขอถอนฟ้องฎีกาสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ศาลฎีกาอนุญาต และให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๑ ที่ ๔
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายเป็นค่ารถยนต์พิพาทแก่โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ และจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ ๑ เพิ่มขึ้นจากที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เพียงใดหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่า ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกันกับจำเลยที่ ๒และที่ ๓ ชำระเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ที่ ๑ จำนวนหนึ่ง และชำระเงิน ๑๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ อีกจำนวนหนึ่งหนี้ทั้งสองจำนวนนี้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นนายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ลูกจ้างผู้กระทำละเมิด และเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ ๑ เท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือนายจ้างไม่ต้องรับผิดเกินกว่าที่ลูกจ้างจะต้องรับผิดจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่าที่จำเลยที่ ๑จะต้องรับผิด
พิพากษายืน

Share