แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การร้องทุกข์ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้มีการมอบอำนาจ ทั้งมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ผู้เสียหายต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทนได้
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยางรถยนต์ให้ผู้เสียหาย ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค การที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วนคืนจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับ
กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นความผูกพันตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖ เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คนละหนึ่งในสาม ให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๖,๖๖๖ บาท ๖๖ สตางค์ จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๔ เดือน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ผู้เสียหายตกลงขายเชื่อยางรถยนต์ให้จำเลยในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีนางสุชาดาจำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อยางรถยนต์จากผู้เสียหายรวมเป็นเงิน ๑๒๒,๑๕๐ บาท และจำเลยทั้งสองได้ออกเช็คตามฟ้องชำระหนี้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น เพราะจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ จำเลยที่ ๑ ขอเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารตามเช็คในวงเงินเพียงหนึ่งแสนบาท และจำเลยที่ ๑ ได้จ่ายเงินเกินบัญชีไปมากแล้ว เมื่อไม่ได้รับเงินตามเช็ค ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้นายเชาวนะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสอง และผู้เสียหายได้เอายางรถยนต์คืนจากจำเลยแล้วบางส่วนคิดเป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท
สำหรับฎีกาจำเลยที่ว่าผู้เสียหายจะมอบให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทนไม่ได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดไม่มีกฎหมายห้ามมิให้มีการมอบอำนาจ ทั้งมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ผู้เสียหายต้องกระทำด้วยตนเอง ดังนั้น ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทนได้
ส่วนฎีกาจำเลยทีว่า หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้ว ผู้เสียหายได้เอายางรถยนต์ที่ขายให้จำเลยคืนบางส่วน เท่ากับเป็นการประนีประนอมยอมความ มูลหนี้ตามเช็คจึงระงับ นอกจากนี้นางสุชาดาได้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ไว้แล้วด้วย จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดนั้น เห็นว่าการที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วนคืนจากจำเลย เป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับ กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยก่อนจำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้นเป็นความผูกพันตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่เป็นความผิด
ฎีกาจำเลยนอกจากนี้เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน