แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยังคงมีสำนักงานทำการค้าขายอยู่ที่ตึกแถวพิพาท การส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องก็ส่งให้จำเลย ณ ตึกแถวพิพาททั้งก็เป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง มิได้บังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อน เมื่อจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก ไม่ขัดกับกระบวนพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่จำเลยเช่าจากโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ทราบคำสั่งศาลที่ให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ขอให้ไต่สวนและอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนคำร้องขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลย จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาคงได้ความว่า จำเลยยังคงมีสำนักงานทำการค้าขายอยู่ที่ตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ การส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องก็ส่งให้ ณ ตึกแถวพิพาท ทั้งก็เป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นเมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๙ วรรค ๒ ก็ได้บัญญัติว่า ถ้าศาลเห็นว่าการขาดนัดเกินไปโดยจงใจ หรือไม่มีเหตุอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อไปฯ มิได้มีบังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องจำเลยก่อน เมื่อจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก เห็นได้ว่าไม่ขัดกับกระบวนพิจารณาศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน