คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สมรสกันก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ใช้บังคับ โดยฝ่ายหญิงมีสินเดิม ฝ่ายชายไม่มีสินเดิม ต่อมาผัวตายจากไปเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว กรณีเช่นนี้ส่วนแบ่งสินสมรสได้แก่เมีย 2 ส่วน ได้แก่ผัว 1 ส่วนตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 68 เมื่อผัวทำพินัยกรรมยกทรัพย์ที่เป็นสินสมรสให้บุตร สินสมรสส่วนของผัวนั้นย่อมตกได้แก่บุตรตามพินัยกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายประคองเป็นบุตรของนายหนูคงกับจำเลย นายหนูคงทำพินัยกรรมยกที่ดิน ส.ด.๑ จำนวน ๒ แปลง ให้นายประคอง แต่เมื่อนายหนูคงตายลงจำเลยกลับไล่นายประคองไม่ให้ครอบครองทรัพย์ตามพินัยกรรม แม้เมื่อเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันแล้ว จำเลยก็ไม่ยอมให้นายประคองเข้าไปใช้สิทธิในทรัพย์ตามพินัยกรรม ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเป็นของนายประคอง ขับไล่จำเลยออกไป และห้ามเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พินัยกรรมตามฟ้องเป็นพินัยกรรมปลอมทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินสมรส จำเลยแต่งงานกับนายหนูคงเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๖๐ โดยจำเลยมีสินเดิม นายหนูคงไม่มีสินเดิม หรือสินส่วนตัว ต่อมาจึงร่วมกันจับจองที่ดินทั้งสองแปลง นายหนูคงไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินส่วนของตนให้นายประคองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พินัยกรรมเป็นฉบับที่แท้จริง ที่ดินตามพินัยกรรมเป็นสินสมรส เป็นของนายประคองกึ่งหนึ่ง คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกับนายหนูคงแต่งงานกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมีสินเดิม นายหนูคงไม่มีสินเดิม จำเลยจึงต้องได้รับส่วนแบ่งสินสมรส ๒ ส่วน พิพากษาแก้ให้นายประคองมีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์หนึ่งในสามส่วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นสินสมรสเพราะได้มาระหว่างจำเลยกับนายหนูคงเป็นผัวเมียกัน จำเลยสมรสกับนายหนูคงก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๕ ใช้บังคับ โดยจำเลยมีสินเดิม นายหนูคงไม่มีสินเดิมและนายหนูคงตายจากไปเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ใช้บังคับแล้ว ดังนี้ ส่วนแบ่งสินสมรสจึงได้แก่จำเลย ๒ ส่วนและนายหนูคง ๑ ส่วนตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ ๖๘ และส่วนของนายหนูคงนี้ย่อมตกได้แก่นายประคองตามพินัยกรรม
พิพากษายืน

Share