แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องคดีเด็กและเยาวชนจะต้องอยู่ในบังคับของมาตรา 24 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ทั้งสิ้น กล่าวคือจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนถูกจับกุม หรือได้รับอนุญาตจากศาลให้ผัดฟ้องได้เป็นคราวๆไป หากพ้นกำหนดนี้แล้วจะฟ้องได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการแม้จะเป็นการฟ้องคดีตามคำชี้ขาดให้ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการก็ตาม (อ้างฎีกาที่ 10/2522)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไป ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนและประมวลกฎหมายอาญา กับขอริบของกลาง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ฟ้องโดยไม่มีหนังสืออนุญาตของอธิบดีกรมอัยการตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน มาตรา ๒๔ ทวิ และ ๒๔ จัตวา จึงไม่ประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้รับฟ้อง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิจารณาแล้วพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้อง
ศาลฎีกาแผนคดีเด็กและเยาวชนฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเกินระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาต โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้ขอผัดฟ้องไว้ แล้ววินิจฉัยว่าตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๒๔ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ มาตรา ๘ กำหนดระยะเวลายื่นฟ้องคดีเด็กและเยาวชนไว้ คือ เมื่อมีการจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดแล้ว พนักงานอัยการจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนให้ทันภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นถูกจับกุม ในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องจำเลยให้ทันภายในกำหนดดังกล่าว ก็ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกเป็นคราวๆ ไป และตามมาตรา ๒๔ จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ มาตรา ๘ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๔ ทวิ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ” เห็นว่าการฟ้องคดีเด็กและเยาวชนนั้นจะต้องอยู่ในบังคับของมาตรา ๒๔ ทวิ ทั้งสิ้น หากพ้นกำหนดนี้แล้วจะฟ้องคดีได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตามมาตรา ๒๔ จัตวาดังกล่าว ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐/๒๕๒๒ ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายสายันต์ หรือสายัญ งามสอาด หรือ งามสะอาด จำเลย เมื่อคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเกินระยะเวลาที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๒๔ ทวิ โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้ขอผัดฟ้องไว้ และไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยตามคำชี้ขาดของอธิบดีกรมอัยการตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔๕ เมื่ออธิบดีกรมอัยการชี้ขาดให้ฟ้องจำเลยในคดีนี้แล้ว ย่อมหมายถึงอธิบดีกรมอัยการอนุญาตให้ฟ้องคดีด้วยนั้น เห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน จะหมายความเอาเองเช่นนั้นไม่ได้
พิพากษายืน.