คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ซื้อที่ดินแล้วเข้าครอบครองเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปี แม้จะยังไม่ได้แก้ทะเบียนโอนโฉนดกัน ผู้ซื้อก็ย่อมอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินนั้นโดยไม่สุจริตได้ตามมาตรา 1300
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น

ย่อยาว

โจทก์ผู้รับมฤดกนายสุยบิดา ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดที่ ๑๔๕๓ ระหว่างจำเลยทั้ง ๒ โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ขายที่ดินแปลงนี้ให้นายสุยบิดาโจทก์ และมอบที่ดินให้นายสุยปกครองเป็นเจ้าของมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว บัดนี้จำเลยที่ ๒ อ้างว่ารับซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้จากจำเลยที่ ๑ และแย่งโจทก์ทำนาในที่นี้
คู่ความรับรองข้อเท็จจริงกันว่า นายหนูจำเลยที่ ๑ ได้ขายที่ดินโฉนด ๑๔๕๓ ฉะเพาะส่วนของตนกับที่ดินโฉนดที่ ๑๔๕๔ ทั้งแปลงให้แก่นายสุยบิดาโจทก์ โดยพูดตกลงกันปากเปล่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๔๕๔ นั้นได้จัดการโอนแก้ทะเบียนให้แก่กันเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ส่วนโฉนดที่ ๑๔๕๓ ยังไม่ได้โอนกัน เป็นแต่นายสุยได้เข้าครอบครองที่ดินเรื่อยตลอดมาตั้งแต่วันซื้อ หน้าโฉนดอยู่ที่จำเลยที่ ๑ ครั้งเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๘๘ จำเลยที่ ๑ ได้โอนโฉนดที่ ๑๔๕๓ ขายให้จำเลยที่ ๒ ไป
คู่ความไม่สืบพยานต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายสุยครอบครองที่ดินพิพาทมาเกิน ๑๐ ปีแล้วย่อมเป็นเจ้าของตามมาตรา ๑๓๘๒ จำเลยที่ ๒ รู้ดีแล้วยังรับซื้อไปจึงเป็นการไม่สุจริต นายสุยและทายาทจึงยกขึ้นต่อสู้ได้ตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรค ๒ และมีอำนาจที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ ๑ – ๒ นั้นเสียได้ตามมาตรา ๑๓๐๐ จึงพิพากษากลับให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดที่ ๑๔๕๓ ระหว่างจำเลยที่ ๑ – ๒
จำเลยฎีกาคัดค้านว่าโจทก์ มิได้ตั้งรูปคดีมาตามมาตรา ๑๓๐๐ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยนอกประเด็นและโจทก์มิได้นำสืบว่า การโอนไม่สุจริต
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงไว้ครบถ้วนแล้วและได้มีคำขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ส่วนจะปรับกับกฎหมายบทใดนั้นย่อมเป็นหน้าที่ของศาล จึงหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ส่วนในเรื่องความไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยแถลงรับต่อศาลว่านายสุยรับซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้โอนโฉนดกัน นายสุยได้ครอบครองที่ดินตลอดมา ย่อมแสดงชัดว่า จำเลยทราบดียังขืนซื้อ ถือเป็นการไม่สุจริต พิพากษายืน

Share