แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ส.บุตรสาวของจำเลยลงไปอาบน้ำที่บันไดริมแม่น้ำในเวลา 1 ทุ่มเศษ น้ำลึกแค่หน้าอก ผู้ตายดำน้ำมากอดเอวจับนมและของลับของ ส. ส.ร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยจึงคว้ามีดลงไปช่วยและแทงผู้ตายจนผู้ตายจมหายไป ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน ส. แต่ผู้ตายเพียงแต่ดำน้ำมาจับเอวจับนมและของลับของ ส.เท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผนที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล คือ ที่นมขวา เหนือลิ้นปี่ ต้นแขนขวา ต้นแขนซ้าย และส้นเท้าซ้าย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๑๗ เวลากลางคืน จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ ๑๒ นิ้วแทงนายป๊อกหรือสอาด ตรีนพ โดยเจตนาฆ่า ทั้งนี้เพราะนายป๊อกหรือสอาดได้ลวนลามดำน้ำจับนมและฉุดนางสาวสมศรี ซื้อสกุล บุตรสาวจำเลยขณะที่บุตรสาวจำเลยกำลังอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ คมมีดที่จำเลยแทงถูกนายป๊อกหรือสอาด ตรีนพหลายแห่ง นายป๊อกหรือสอาด ตรีนพถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลแขวง บางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และขอให้ริบมีดของกลางที่จำเลยใช้ทำผิดด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยป้องกัน แต่กระทำเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบกับมาตรา ๖๙ ให้จำคุก ๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๑ ทุ่มเศษ นางสาวสมศรีได้ไปอาบน้ำที่บันไดหน้าบ้านซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนั้นน้ำขึ้นท่วมบันไดบ้านขั้นที่ ๓ ขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำโดยยืนอยู่บนแท่นบันไดบ้าน น้ำลึกแค่หน้าอก ก็มีคนดำน้ำมากอดนางสาวสมศรี นางสาวสมศรี จึงร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยจึงคว้ามีดลงไปช่วยและแทงคนนั้นจนคนนั้นจมหายไป รุ่งขึ้นปรากฏว่ามีศพผู้ตายที่ใต้ถุนบ้านของนายสมนึก ศรีเพียงจันทร์ ห่างบ้านจำเลยประมาณ ๗-๘ วา ผู้ตายมีบาดแผล ๕ แห่ง เป็นแผลถูกของมีคม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องยอมรับอยู่ในตัวว่าจำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตายเพราะผู้ตายได้ลวนลามโดยดำน้ำจับนมและฉุดนางสาวสมศรีบุตรสาวของจำเลยขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ นอกจากโจทก์ยอมรับในคำฟ้องแล้ว ตามที่โจทก์นำสืบมา ข้อเท็จจริงยังได้ความจากนางสาวสมศรีบุตรสาวของจำเลยว่า ขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำอยู่ที่บันไดบ้านริมน้ำเจ้าพระยานั้น ก็มีคนมากอดเอว จับนมและของลับ จึงได้ร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยก็ลงไปช่วย ข้อเท็จจริงฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยได้แทงนายป๊อกหรือสอาดตาย เป็นการห้องกันนางสาวสมศรีบุตรของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกำหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันผู้ตายเป็นผู้ก่อขึ้น ฎีกาของโจทก์ที่อ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันจึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเพียงแต่ผู้ตายดำน้ำมาจับเอวนางสาวสมศรีบุตรจำเลย จับนมและของลับเท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง ๕ แผล คือที่นมขาวเหนือลิ้นปี่ ต้นแขนขวา ต้นแขนซ้าย และส้นเท้าซ้าย จึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ที่จำเลยอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๖๕/๒๕๐๙ (ที่ถูกคือ ๑๖๖๕/๒๕๐๙) และคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๒๗/๒๕๑๐ นั้น ข้อเท็จจริงต่างกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปีนั้น จึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(บัญญัติ สุชีวะ สวัสดิ์ สุขศรีวงษ์ พิสัณห์ ลีตเวทย์)