คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 11 ทวิ จะให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำหนดให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุและในกรณีที่ผู้ใช้ความถี่วิทยุไม่ชำระหรือชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเกินกำหนดเวลาที่กำหนด ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ของค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุที่ต้องชำระต่อวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดจนถึงวันที่ชำระแล้วเสร็จตามประกาศกระทรวงคมนาคมเรื่องกำหนดให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุ แต่ตามสัญญาเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์วิทยุคมนาคมของกรมไปรษณีย์โทรเลขที่ อ. ทำสัญญาเช่าจากโจทก์ข้อ 4 ระบุว่าผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 กฎหมาย ระเบียบและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดและต้องรับผิดในกรณีที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดนั้นๆ ด้วย เช่นนี้ประกาศกระทรวงคมนาคมดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าข้อ 4 ด้วย และเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุหรือชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเกินเวลากำหนด จึงต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุในอัตราร้อยละ 1 ของค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุที่ต้องชำระต่อวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดจนถึงวันที่ชำระแล้วเสร็จตามที่กำหนดในสัญญาเช่าซึ่งการเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มดังกล่าว เป็นการกำหนดค่าเสียหายในกรณีผู้เช่าไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรไว้ล่วงหน้าในลักษณะเป็นเบี้ยปรับตาม ป.พ.พ. มาตรา 379 เมื่อเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลย่อมมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทโดยธรรมของนายโอดส่งมอบเครื่องวิทยุคมนาคมพิพาทพร้อมอุปกรณ์ในสภาพที่ใช้งานได้ดีแก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งคืนให้ใช้ราคาเป็นเงิน 45,000 บาท ให้จำเลยชำระค่าเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์ที่ค้างชำระจำนวน 47,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 21,766 บาท รวมเป็นเงิน 69,466 บาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 42,3000 บาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 6,080.74 บาท รวมเป็นเงิน 48,380.74 บาท ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินรวมของค่าเครื่องวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์ ค่าเช่า และค่าเสียหาย รวมเป็นเงิน 139,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ 900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยะละ 7.5 ต่อปี ของค่าเสียหายแต่ละเดือน นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะส่งคืนวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์ในสภาพที่ใช้งานได้ดี หรือใช้เงิน ให้จำเลยชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเป็นเงิน 9,600 บาท และค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มเป็นรายวัน วันละ 96 บาท นับแต่วันครบกำหนดของแต่ละปีคำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน 156,864 บาท และค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มเป็นรายวัน วันละ 96 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ตามฟ้องในสภาพใช้งานได้ดีแก่โจทก์ ถ้าไม่คืนให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 15,000 บาท ให้จำเลยชำระจำนวน 131,676.74 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 90,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายอีกเดือนละ 900 บาท และค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 9,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ แต่ให้ค่าเสียหายและค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มไม่เกิน 12 เดือน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,600 บาท สำหรับค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ทั้งนี้ให้จำเลยรับผิดไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกของนายโอดที่ตกทอดได้แก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มในอัตราวันละ 20 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำเลยเป็นทายาทของนายโอด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2527 นายโอดทำสัญญายกเครื่องวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์วิทยุคมนาคมรวมราคา 45,000 บาท ให้แก่โจทก์ โดยตกลงโอนกรรมสิทธิ์เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์วิทยุคมนาคมดังกล่าวให้แก่โจทก์นับแต่วันทำสัญญา และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2531 นายโอดทำสัญญาเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมพร้อมอุปกรณ์จากโจทก์มีกำหนดสัญญาเช่า 1 ปี หากครบกำหนดนายโอดยังใช้วิทยุคมนาคมและอุปกรณ์อยู่ให้ถือว่านายโอดตกลงเช่าต่อไป และตกลงชำระค่าเช่าเดือนละ 750 บาท ตามสัญญาเช่า ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2534 โจทก์เพิ่มค่าเช่าเป็นเดือนละ 900 บาท ตามประกาศโจทก์ และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2539 กระทรวงคมนาคมออกประกาศให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุที่ได้รับการจัดสรรความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนการใช้ความถี่วิทยุ หากไม่ชำระจะต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ของค่าตอบแทนที่ต้องชำระเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดที่ต้องชำระจนถึงวันที่ชำระค่าตอบแทนดังกล่าวครบถ้วน โจทก์แจ้งให้นายโอดทราบแล้ว ตามประกาศกระทรวงคมนาคม และหนังสือแจ้ง ปรากฏว่านับแต่เดือนพฤศจิกายน 2537 นายโอดไม่ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังนายโอดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2542 และนายโอดถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2543
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีอำนาจใช้ดุลพินิจปรับลดค่าตอบแทนการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มได้หรือไม่โดยโจทก์ฎีกาว่า ค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุที่กำหนดให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนและค่าตอบแทนเพิ่มในกรณีที่ไม่ชำระค่าตอบแทนภายในเวลาที่กำหนดได้กำหนดตามประกาศกระทรวงคมนาคมโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ไม่ใช่เบี้ยปรับนั้น เห็นว่า แม้พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 11 ทวิ จะให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกำหนดให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุและในกรณีที่ผู้ใช้ความถี่วิทยุไม่ชำระหรือชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเกินกำหนดเวลาที่กำหนด ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ของค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุที่ต้องชำระต่อวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดจนถึงวันที่ชำระแล้วเสร็จตามประกาศกระทรวงคมนาคมเรื่องกำหนดให้ผู้ใช้ความถี่วิทยุต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุ ข้อ 6.3 แต่ตามสัญญาเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์วิทยุคมนาคมของกรมไปรษณีโทรเลขที่นายโอดทำสัญญาเช่าจากโจทก์ ข้อ 4 ได้ระบุว่าผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 กฎหมาย ระเบียบและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดและต้องรับผิดในกรณีที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดนั้นๆ ด้วย เช่นนี้ประกาศกระทรวงคมนาคมดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่า ข้อ 4 ด้วย และเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุหรือชำระค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเกินเวลากำหนด จึงต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มเติมในอัตราร้อยละ 1 ของค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุที่ต้องชำระต่อกัน นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดจนถึงวันที่ชำระแล้วเสร็จตามที่กำหนดในสัญญาเช่า ซึ่งการเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มดังกล่าว เป็นการกำหนดค่าเสียหายในกรณีผู้เช่าไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรไว้ล่วงหน้าในลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 เมื่อเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลย่อมมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share