คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ยอมให้ร้อยตำรวจโท ว.จับกุม ได้ชกต่อยร้อยตำรวจโท ว.ที่จะเข้าจับกุม จำเลยซึ่งทำร้ายผู้อื่นซึ่งหน้า แม้ขณะเกิดเหตุร้อยตำรวจโท ว. จะเป็นร้อยเวรสอบสวนทำหน้าที่ สอบสวน และไปนั่งในร้านอาหารที่เกิดเหตุ แต่ร้อยตำรวจโท ว.ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ย่อมมีอำนาจจับกุมจำเลยซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 การที่ร้อยตำรวจโท ว.ทำหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน และไปนั่งในร้านขายอาหาร ไม่ทำให้ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำร้ายเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชกต่อยสิบตำรวจตรีสันติ สุวรรณเนตร ได้รับอันตราแก่กายและต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้ร้อยตำรวจโทวินัย พิชัยรัตน์ พนักงานสอบสวน จับกุม และชกต่อยร้อยตำรวจโทวินัย พิชัยรัตน์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑,๑๓๘,๒๙๕,๒๙๖ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้อ ๒
จำเลยให้การปฏิเสธว่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ กระทงหนึ่ง มาตรา ๑๓๘ วรรคสองอีกกระทงหนึ่ง จำคุกกระทรงละ ๔ เดือน ปรับกระทงละ ๖๐๐ บาท รวมจำคุก ๘ เดือน ปรับ ๑,๒๐๐ บาท รับสารภาพชั้นจับกุม ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามมาตรา ๗๘ จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๙๐๐ บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ ๒ ปี ค่าปรับจัดการตามมาตรา ๒๙,๙๐
โจทก์อุทธรณ์ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๖ อีกกระทงหนึ่ง และให้ลงโทษสถานหนัก ไม่รอการลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีสิทธิฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ในปัญหาว่าเป็นการป้องกันตามกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาข้อหาทำร้ายร่างกายว่า ในวันเวลาเกิดเหตุขณะที่สิบตำรวจตรีสันติ สุวรรณเนตร นั่งรับประทานอาหาร จำเลยเข้ามาทางด้านหลังชกต่อยบริเวณศีรษะสิบตำรวจตรีสันติหลายครั้ง ครั้งสิบตำรวจตรีสันติหันไปดู จำเลยก็ชกปากสิบตำรวจตรีสันติ วินิจฉัยว่ากรณีตามข้อเท็จจริงนี้ไม่เป็นการป้องกันตามกฎหมาย
ส่วนฎีกาของจำเลยให้ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่และทำร้ายเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำตามหน้าที่นั้น ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ยอมให้ร้อยตำรวจโทวินัยจับกุม ได้ชกต่อยร้อยตำรวจโทวินัยที่จะเข้าจับกุมจำเลย ซึ่งทำร้ายสิบตำรวจตรีสันติซึ่งหน้า จำเลยฎีกาว่าขณะเกิดเหตุนั้น ร้อยตำรวจโทวินัยเป็นร้อยเวรสอบสวนทำหน้าที่ สอบสวน การที่มานั่งในร้านอาหารและทำการจับกุมจำเลยไม่เป็นการปฏิบัติการตามกฎหมายโดยอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๑๙/๒๕๐๑ นั้น เห็นว่าร้อยตำรวจโทวินัยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจจับกุมจำเลยซึ่งกระทำความผิดซึ่งหน้าได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ การที่ร้อยตำรวจโทวินัยทำหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน และไปนั่งในร้านขายอาหาร ไม่ทำให้ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า ฎีกาขอจำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน
(สุมิตร ฟังทองพรรณ กฤษณ์ โสภิตกุล ชุบ วีระไวศิน)

Share