แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เรือฉลอมลำน้ำของโจทก์ถูกเรือ อ. ชนจมลงเมื่อวันที่ 11เมษายน 2520 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าบริษัท ท. เป็นผู้รับประกันวินาศภัยเรือ อ. ขอให้เรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2523 ซึ่งเป็นเวลากว่าสองปี นับแต่วันวินาศภัย คดีโจทก์สำหรับจำเลยร่วมจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882
ทนายจำเลยร่วมมีหนังสือถึงโจทก์ว่าเรื่องที่เรือโจทก์เกิดชนกับเรือ อ. และโจทก์ขอเรียกค่าเสียหายได้ส่งเรื่องให้ตัวการคือเจ้าของเรือ อ.พิจารณาต่อไปแล้วจะแจ้งผลการพิจารณาให้โจทก์ทราบภายในเวลาอันสมควรกับได้ให้เจ้าของเรือที่ได้รับความเสียหายส่งสำเนาใบประเมินความเสียหายมาให้รายละ 3 ฉบับนั้น การกระทำของจำเลยร่วมดังกล่าวเป็นเพียงแต่จะพิจารณาเรื่องค่าเสียหายยังไม่เป็นการแน่นอนว่าจะใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง จึงไม่เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยร่วมยอมรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
จำเลยเป็นเพียงตัวแทนเจ้าของเรือต่างประเทศ มีหน้าที่ในการรับขนสินค้าลงจากเรือ ติดต่อดำเนินพิธีการด้านการท่าเรือ การศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมือง จำเลยไม่ต้องรับผิดในการที่กัปตันผู้ควบคุมเรือซึ่งเป็นลูกจ้างเจ้าของเรือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการ ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือฉลอมลำน้ำรับจ้างบรรทุกสินค้า จำเลยเป็นเจ้าของร่วมและเป็นผู้ได้รับมอบให้เป็นตัวแทนจากเจ้าของร่วมซึ่งมีบริษัทอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ครอบครองพร้อมทั้งควบคุมดูแลกิจการเกี่ยวกับเรือบรรทุกสินค้าเดินทะเลซึ่งเดินด้วยเครื่องจักรกลชื่อเรือ เอ็ม.เอส. อเมริกัน เมน ขณะเรือลำนี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยและมีนายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช ซึ่งเป็นลูกจ้างผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยเรียกว่ากัปตัน เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๐ จำเลยได้สั่งการให้นายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช นำเรือเอ็ม.เอส. อเมริกัน เมน เข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือ รส.๑๐ เพื่อทำการขนถ่ายสินค้าตามปกติ แต่นายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช บังคับเรือด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้เรือเอ็ม. เอส. อเมริกัน เมนพุ่งเข้าชนเรือฉลอมของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนเจ้าของเรือในการรับขนสินค้าลงจากเรือส่งมอบแก่ผู้รับสินค้าและจัดการหาสินค้าลงบรรทุกเรือเพื่อขนส่งไปต่างประเทศและมีหน้าที่ติดต่อดำเนินพิธีการด้านการท่าเรือ การศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมืองกับเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการที่เรือบรรทุกสินค้าดังกล่าวจะต้องเข้ามาหรือออกไปจากประเทศไทยเท่านั้น จำเลยไม่มีอำนาจควบคุมบังคับบัญชาการเดินเรือและกับตันเรือ อำนาจการควบคุมและสั่งการในการเดินเรืออยู่กับนายเรือหรือกัปตันเรือซึ่งเป็นลูกจ้างและอยู่ในบังคับบัญชาของบริษัทเจ้าของเรือดังกล่าว ดังนั้น แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นตัวแทนเจ้าของเรือและการที่เรือฉลอมของโจทก์จมเสียหายเพราะความประมาทเลินเล่อของนายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น บริษัทโทรีเช่น (กรุงเทพ) จำกัด ถูกหมายเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของโจทก์ โดยโจทก์อ้างว่าเป็นผู้รับประกันวินาศภัยเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมไม่ได้เป็นผู้รับประกันวินาศภัยหรือตัวแทนผู้รับประกันวินาศภัยตามฟ้องโจทก์ โจทก์เคยติดต่อจำเลยร่วมเพื่อขอให้ติดต่อกับบริษัทผู้รับประกันภัยเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน ในต่างประเทศ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายในกรณีนี้แก่โจทก์ แต่เมื่อจำเลยร่วมสอบถามไปยังบริษัทต่างประเทศ ซึ่งจำเลยร่วมเป็นผู้คอยรายงานเกี่ยวกับเรือที่บริษัทต่างประเทศได้รับประกันวินาศภัยไว้เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นในประเทศไทยก็ได้รับแจ้งว่า ไม่ได้รับประกันวินาศภัยเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมนไว้ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาสูงกว่าความเป็นจริง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์สำหรับบริษัทโทรีเซ่น (กรุงเทพ) จำเลยร่วมขาดอายุความหรือไม่ และบริษัทดีทแฮล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ทรานสปอร์ต เซอร์วิสเซส จำกัด จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใด
สำหรับฎีกาข้อแรก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๒ วรรคแรก บัญญัติว่า ในการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันวินาศภัย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เรื่อฉลอมลำน้ำ เลขทะเบียน กท ๐๔๖๕ ของโจทก์ถูกเรือ เอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน ชนจมลงเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๐ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าบริษัทโทรีเซ่น (กรุงเทพ) จำกัด เป็นผู้รับประกันวินาศภัยเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน จึงขอให้เรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๒๓ อันเป็นเวลากว่าสองปีนับแต่วันวินาศภัย คดีโจทก์สำหรับจำเลยร่วมจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๒ ที่โจทก์ฎีกาว่า เกิดเหตุแล้ว โจทก์ได้ติดต่อกับจำเลยร่วมเพื่อขอรับค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยร่วมรับติดต่อเพื่อชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยร่วมได้จ้างบริษัทอื่นมาสำรวจความเสียหายและตรวจดูและการกู้เรือ ห้ามโจทก์นำเรือขึ้นคานซ่อมสั่งให้โจทก์เสนอราคาค่าเสียหายเรือของโจทก์ให้แก่จำเลยร่วม จนถึงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๐ เพื่อต่อรองค่าเสียหาย จำเลยร่วมยังได้ให้ทนายความมีหนังสือหมาย จ.๒๓ ถึงโจทก์ตอบรับการเรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๒๐ จำเลยร่วมโดยนายอีริค บรูสการ์ด เบิกความตอบคำถามค้านยอมรับว่าโจทก์และเจ้าของเรืออื่นที่ได้รับความเสียหายได้ติดต่อเกี่ยวกับค่าเสียหายจนถึงสิ้นปี ๒๕๒๑ และได้ให้โจทก์ส่งใบประเมินค่าเสียหายไปให้อีก ๓ ฉบับ การกระทำของจำเลยร่วมดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยร่วมยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจนถึงสิ้นปี ๒๕๒๑ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๒๓ และศาลอนุญาตแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น ปรากฏตามคำแปลหนังสือของทนายความของจำเลยร่วมเอกสารหมาย จ.๒๓ ความว่า “อ้างถึงเรื่องการชนกัน เรือ เอ็ม/เอส”อเมริกันเมน” ขอตอบเรื่องดังกล่าวข้างต้นดังนี้ คำร้องของท่านเกี่ยวกับเรื่องข้างต้น ขอให้ชำระเงินจำนวน ๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท ได้ถูกเสนอมาที่เราแล้ว เรื่องนี้ได้ถูกส่งไปที่ตัวการเจ้าของเรือเอ็ม/เอส “อเมริกันเมน” พิจารณาต่อไปแล้ว เราจะแจ้งผลการพิจารณาตัดสินให้ท่านทราบภายในเวลาอันควร” และนายอีริค บรูสการ์ด เบิกความว่าโจทก์และเจ้าของเรืออื่นที่ได้รับความเสียหายได้มาติดต่อกับข้าพเจ้าแล้วเกี่ยวกับค่าเสียหายจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๒๑ และข้าพเจ้าเคยบอกให้เจ้าของเรือที่ได้รับความเสียหาย ให้ส่งสำเนาใบประเมินความเสียหายรายละ ๓ ฉบับมาให้ข้าพเจ้า” ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเพียงแต่จำเลยร่วมจะพิจารณาเรื่องค่าเสียหาย แต่เมื่อจำเลยร่วมได้ติดต่อไปยังต่างประเทศแล้ว ทราบว่ามิได้มีการประกันเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมนไว้ จึงได้ปฏิเสธไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยร่วมเป็นการไม่แน่นอนว่า จะใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยร่วมเป็นการไม่แน่นอนว่า จะใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง จึงไม่เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยร่วมยอมรับสถาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า บริษัทดีทแฮล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ทรานสปอร์ต เซอร์วิสเซส จำกัด จำเลย เป็นเจ้าของรวมและตัวแทนของบริษัทเจ้าของเรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน ซึ่งอยู่ต่างประเทศ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า เรือเอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน เป็นของบุคคลในต่างประเทศโดยจำเลยมิได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของเรือ แต่เป็นเพียงตัวแทนเจ้าของเรือในการรับขนสินค้าลงจากเรือ ติดต่อดำเนินการด้านการท่าเรือ การศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมือง ส่วนปัญหาว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะเกิดเหตุนายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช เป็นกัปตันควบคุมเรือ เอ็ม.เอส.อเมริกัน เมน เป็นลูกจ้างของเจ้าของเรือ จำเลยเป็นตัวแทนของเจ้าของเรือดังกล่าวในประเทศไทย แม้จะฟังว่านายไรโกหรือโรโก เอสเมนเช กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เรือฉลอมลำน้ำของโจทก์จมลงและเสียหาย แต่ในกรณีเช่นนี้ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการด้วย ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๖๕/๒๕๑๗ ระหว่างบริษัทรัตนสุรีย์ จำกัด โจทก์ บริษัทเดินเรือทะเลชุนเชียง (ไทย) จำกัด กับพวก จำเลย เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดแล้วประเด็นที่ว่าค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใด จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน