แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อน แม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 ด้วย แต่มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มิได้กำหนดโทษตามมาตรา 146 ไว้ หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจำกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา 146 (ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี) ศาลจะกำหนดต่ำกว่า 6 เดือนหรือไม่ เหตุนี้ จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146 มีโทษจำคุกกว่า 6 เดือนมาแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า (ก) จำเลยแสดงตนเป็นร้อยเอกทหารบก (ข) จำเลยหลวกลวงนายสุทินเอาเงิน ๓,๐๐๐ บาท กับสิ่งของไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้วหลายครั้ง ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาวางโทษจำคุก เพิ่มโทษ ๑ ใน ๓
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชอบที่จะเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๓
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๓ นั้น จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกในความผิดเดียวกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน แต่ความผิดที่โจทก์ฎีกาขอให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งอ้างว่าจำเลยกระทำผิดซ้ำในคดีนี้นั้น ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ. ๒๔๗๗ มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา แม้จะพิพากษาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๖ ด้วย แต่ก็มิได้กำหนดโทษมาตรานี้ไว้ด้วย หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนัก ทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจะกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา ๑๔๖ จะกำหนดต่ำกว่า ๖ เดือนหรือไม่ เหตุนี้ จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๖ มีโทษจำคุกกว่า ๖ เดือนมาแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๓ ยังไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งชอบแล้ว พิพากษายืน