คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งเก้าและจำเลยได้แถลงรับข้อเท็จจริงและท้ากัน เพื่อให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า งานที่โจทก์ทั้งเก้าทำเป็นงานขนส่งทางบกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 12/2541 ออกตามความใน พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หรือไม่ ไม่มีประเด็นว่าโจทก์ทั้งเก้าได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือในการทำงานล่วงเวลา และถือเป็นการตกลงทำงานล่วงเวลาโดยปริยายหรือไม่ รวมทั้งจะถือว่าจำเลยได้ตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ทั้งเก้าโดยปริยายหรือไม่รวมอยู่ด้วย การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์ทั้งเก้าโดยปริยายจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นคำท้าซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาอุทธรณ์อีก
เมื่อปรากฏตามที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่างานที่โจทก์ทั้งเก้าทำเป็นงานขนส่งทางบก โจทก์ทั้งเก้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามคำท้า แต่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาในอัตรา 1 เท่าของค่าจ้างในวันทำงานปกติ ส่วนดอกเบี้ยนั้นเมื่อปรากฏว่าเงินที่โจทก์ทั้งเก้ามีสิทธิได้รับเป็นเงินค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลา มิใช่ค่าล่วงเวลาที่จะมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 15 ต่อปี ได้ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง จึงเป็นหนี้เงินที่คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดได้ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ทั้งเก้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าล่วงเวลาเป็นเงิน ๙๘,๒๒๑ บาท แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๔๖,๓๖๘ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๗๕,๒๗๓ บาท แก่โจทก์ที่ ๓ เป็นเงิน ๑๐๓,๔๗๔ บาท แก่โจทก์ที่ ๔ เป็นเงิน ๓๑,๔๓๗ บาท แก่โจทก์ที่ ๕ เป็นเงิน ๕๘,๐๙๖ บาท แก่โจทก์ที่ ๖ เป็นเงิน ๗๖,๕๒๔ บาท แก่โจทก์ที่ ๗ เป็นเงิน ๒๖,๗๓๖ บาท แก่โจทก์ที่ ๘ และเป็นเงิน๗๗,๙๙๖ บาท แก่โจทก์ที่ ๙ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ละคน
จำเลยทั้งเก้าสำนวนให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ให้บริการรับส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ด่วนพิเศษ โจทก์ทั้งเก้าเป็นลูกจ้างของจำเลยในแผนกบริการภาคพื้นดิน มีหน้าที่รับส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยโดยโจทก์ทั้งเก้าเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อวัน เดือน ปี และได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายตามคำให้การจำเลย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โจทก์ที่ ๔ ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของจำเลย ระหว่างทำงานจำเลยมีคำสั่งหรือมอบหมายให้โจทก์ทั้งเก้าทำงานล่วงเวลาให้แก่จำเลย และจำเลยชำระค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ทั้งเก้าครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ทั้งเก้าไม่เคยทำหลักฐานเป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำงานล่วงเวลากับจำเลย ซึ่งการงานของโจทก์ทั้งเก้ามีลักษณะหรือสภาพเป็นงานขนส่งทางบก โจทก์ทั้งเก้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามฟ้อง เนื่องจากกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ข้อ ๖ กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงาน กับโจทก์ทั้งเก้ามีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละ ๗.๕ ต่อปีเท่านั้น และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ทั้งเก้าขาดอายุความ ๖ เดือนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าล่วงเวลาเป็นเงิน ๔๒,๐๑๘.๗๒ บาท แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๒๖,๑๗๗.๙๔ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๑๔,๑๖๕.๔๑ บาท แก่โจทก์ที่ ๓ เป็นเงิน ๓๔,๗๔๐.๐๖ บาท แก่โจทก์ที่ ๔ เป็นเงิน ๒๐,๓๓๒.๓๑ บาท แก่โจทก์ที่ ๕ เป็นเงิน ๑๖,๕๓๒.๓๘ บาท แก่โจทก์ที่ ๖ เป็นเงิน ๑๘,๗๕๘.๖๕ บาท แก่โจทก์ที่ ๗ เป็นเงิน ๑๘,๔๓๒.๕๙ บาท แก่โจทก์ที่ ๘ และเป็นเงิน ๓๒,๖๗๕.๘๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๙ ตามบัญชีเอกสารหมาย ล. ๔ (ช่องสรุปเงินค้างจ่ายในส่วนค้างจ่าย ๑.๕ เท่า) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของเงินค่าล่วงเวลานับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๔) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ละคน
จำเลยทั้งเก้าสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยแล้ว _ _ _ เห็นได้ว่าโจทก์ทั้งเก้าและจำเลยได้แถลงรับข้อเท็จจริงและท้ากัน เพื่อให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามประเด็นที่ท้ากันว่า งานที่โจทก์ทั้งเก้าทำนั้นเป็นงานขนส่งทางบกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ หรือไม่ หากวินิจฉัยว่าเป็นงานขนส่งทางบกจำเลยก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในอัตรา ๑ เท่าของค่าจ้างในวันทำงานปกติ หากวินิจฉัยว่าไม่ใช่งานขนส่งทางบก จำเลยก็ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาในอัตรา ๑.๕ เท่า ของค่าจ้างในวันทำงานปกติ ตามบัญชีเอกสารหมาย ล. ๔ ซึ่งตามที่คู่ความแถลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยนั้นไม่มีประเด็นว่า โจทก์ทั้งเก้าได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือในการทำงานล่วงเวลาหรือไม่และถือเป็นการตกลงทำงานล่วงเวลาโดยปริยายหรือไม่ รวมทั้งจะถือว่าจำเลยได้ตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ทั้งเก้าโดยปริยายหรือไม่รวมอยู่ด้วย การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์ทั้งเก้าโดยปริยายจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นคำท้าซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยย่อมไม่มีสิทธิยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาอุทธรณ์อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้ให้ แต่เมื่อปรากฏตามที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า งานที่โจทก์ทั้งเก้าทำนั้นเป็นงานขนส่งทางบก โจทก์ทั้งเก้าจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามคำท้า แต่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำคือในอัตรา ๑ เท่าของค่าจ้างในวันทำงานปกติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (๒๕๔๑) ข้อ ๖ ที่กล่าวมา ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินที่โจทก์แต่ละคนจะได้รับปรากฏตามเอกสารหมาย ล. ๔ ในช่องสรุปเงินค้างจ่าย (ค้างจ่าย ๑) ตามที่โจทก์ทั้งเก้าและจำเลยรับกัน ส่วนดอกเบี้ยนั้นเมื่อปรากฏว่าเงินที่โจทก์ทั้งเก้ามีสิทธิได้รับเป็นเงินค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลา มิใช่ค่าล่วงเวลาที่จะมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ ๑๕ ปี ได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง จึงเป็นหนี้เงินที่คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดได้ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง เท่านั้น ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ทั้งเก้าพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ปี นับแต่วันฟ้อง จึงไม่เป็นไปตามคำท้าและไม่ชอบด้วยบทกฎหมายที่กล่าวข้างต้น ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาให้แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๒๓,๕๓๒.๘๑ บาท โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๑๔,๒๒๙.๙๖ บาท โจทก์ที่ ๓ เป็นเงิน ๙,๓๒๐.๙๔ บาท โจทก์ที่ ๔ เป็นเงิน ๒๑,๑๕๘.๘๗ บาท โจทก์ที่ ๕ เป็นเงิน ๑๓,๔๘๘.๘๗ บาท โจทก์ที่ ๖ เป็นเงิน ๑๐,๙๔๔.๒๘ บาท โจทก์ที่ ๗ เป็นเงิน ๑๒,๓๗๓.๔๓ บาท โจทก์ที่ ๘ เป็นเงิน ๑๒,๑๐๔.๗๒ บาท และโจทก์ที่ ๙ เป็นเงิน ๑๘,๕๑๕.๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๔) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ละคน.

Share