คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินที่กู้ยืม จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระเกินจากการชำระหนี้ เงินกู้ครั้งก่อนไม่ใช่ครั้งนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ และ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ จำเลยกู้ยืมเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท และ ๑๐๔,๐๐๐ บาท ตามลำดับ ไปจากโจทก์ แล้วผิดนัดชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้ดังกล่าว
จำเลยให้การและฟ้องแย้งกับแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่ารับเงินจากโจทก์ตามฟ้อง สัญญากู้ยืมเงินฝ่าฝืนกฎหมายและใช้บังคับไม่ได้ จำเลยชำระเงินคืนแก่โจทก์จนครบแล้วและชำระเกินด้วย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินที่จำเลยชำระเกินไปรวม ๔๙,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การจำเลย ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง คืนค่าขึ้นศาลตามฟ้องแย้งทั้งหมดแก่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับเงินทั้งสองจำนวนเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่เกี่ยวกับ การชำระหนี้เงินกู้ครั้งอื่น ไม่เกี่ยวกับสัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้อง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธอยู่ว่าไม่ได้กู้และรับเงินจากโจทก์ สัญญากู้ยืมเงินฝ่าฝืนกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ จึงถือว่า เป็นฟ้องแย้งในเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม ที่ศาลจะรับไว้พิจารณา
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share