คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7622/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 1 ครั้งแรกนั้น เจ้าพนักงานศาลส่งไม่ได้ โจทก์จึงขอให้ส่งใหม่โดยปิดหมายซึ่งในครั้งหลัง เจ้าพนักงานศาลระบุว่า ไม่พบผู้รับตามหมาย คนในบ้านแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไปธุระและไม่มีผู้รับหมายไว้แทนจึงปิดหมายตามคำสั่งศาล แสดงว่าคนในบ้านยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ที่บ้านตามภูมิลำเนาที่โจทก์ระบุในฟ้องที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาโดยมี ส. ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 2 ย้ายไปอยู่ที่เดียวกับจำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏเหตุผลในการย้ายของจำเลยที่ 1 และ ส. ทั้งที่บริษัทจำเลยที่ 2 ยังมิได้จดทะเบียนเลิกกิจการและมิได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของจำเลยที่ 1 ผู้ถือหุ้น จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาปรากฏชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนาเดิมของตน การส่งหมายเรียกสำเนาฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีปิดหมายจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วตั้งแต่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์จำนวน 204,780.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เนื่องจากมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้อง จำเลยที่ 1 เพิ่งทราบเรื่องที่ถูกฟ้อง คำพิพากษาและคำบังคับคดีของจำเลยที่ 1 มีเหตุผลพอที่จะได้รับการพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 54/2 หมู่ที่ 2 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี มีนายสมพล ประกอบแสงสวย ซึ่งมีที่อยู่ที่เดียวกับจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราบริษัท และมีจำเลยที่ 1 น้องนายสมพลกับนางสาวนฤมล ประกอบแสงสวย พี่นายสมพลอยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ที่ 2 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วย ต่อมานายสมพลและจำเลยที่ 1 ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 105/116 ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2539 หลังจากจำเลยที่ 1 ย้ายทะเบียนบ้านแล้ว และดำเนินการส่งสำเนาคำฟ้อง หมายนัดต่าง ๆ ตลอดจนคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 54/1 ภูมิลำเนาเดิมของจำเลยที่ 1 โดยวิธีการปิดหมาย คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดหรือไม่ เห็นว่า ในการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ครั้งแรกนั้นโจทก์ขอให้ส่งหมายเรียกเสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 1 โดยโจทก์อ้างแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร ซึ่งรับรองว่าจำเลยที่ 1 อยู่ที่บ้านเลขที่ 54/1 เจ้าพนักงานศาลส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ โจทก์จึงขอให้ส่งใหม่โดยปิดหมาย ศาลชั้นต้นอนุญาต ในการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ครั้งหลังนี้เจ้าพนักงานศาลส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ได้โดยวิธีปิดหมายโดยระบุว่า ไม่พบผู้รับตามหมาย คนในบ้านแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไปธุระและไม่มีผู้รับหมายไว้แทนจึงปิดหมายตามคำสั่งศาล ซึ่งแสดงว่าคนในบ้านเลขที่ 54/1 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ที่บ้านตามภูมิลำเนาจำเลยที่ 1 ที่โจทก์ระบุในฟ้อง การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาโดยที่มีนายสมพลพี่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 2 ย้ายไปอยู่ที่เดียวกับจำเลยที่ 1 ในเดือนเดียวกัน โดยไม่ปรากฏเหตุผลในการย้ายของจำเลยที่ 1 และนายสมพล ทั้งที่บริษัทจำเลยที่ 2 ยังมิได้จดทะเบียนเลิกกิจการและมิได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของจำเลยที่ 1 ผู้ถือหุ้น จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาปรากฏชัดแจ้งว่าจะเปลี่ยนภูมิลำเนาเดิมของตน การส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องหมายนัดสืบพยานโจทก์และคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีปิดหมาย จึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ทราบว่าตนถูกฟ้องคดีแล้วตั้งแต่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาทแทนโจทก์.

Share