คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนศาลวินิจฉัยว่าโจทก์คดีนี้เป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทเพื่อทำนาจึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ เมื่อ ฉ. และ ธ. โอนขายที่ดินพิพาทที่ได้รับโอนมาให้แก่ผู้ร้องสอด (จำเลยที่ 13) ผู้ร้องสอด ต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าดังกล่าว คดีถึงที่สุด ดังนั้น คำพิพากษาในคดีดังกล่าวที่วินิจฉัยว่าโจทก์เช่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ทำนาย่อมผูกพันคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 13 ซึ่งเป็นผู้ร้องสอดในคดี ดังกล่าวย่อมต้องผูกพันด้วย จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า โจทก์เช่าที่ดินพิพาทเพื่อทำนา การที่ น. และ ย. โอนขาย ที่ดินพิพาทที่ได้รับโอนมาจากเจ้าของเดิมให้แก่ ฉ. และ ธ. ต่อมา ฉ. และ ธ. โอนขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยที่ 13 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 13 ในคดีนี้ขอซื้อที่ดินพิพาทโดยอ้างสิทธิในฐานะผู้เช่าที่นา ตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งมีจำเลยที่ 1 ถึงที่ 12 เป็นคณะกรรมการ และบังคับจำเลยให้จำเลยที่ 13 ไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาททั้งสามแปลงแก่โจทก์ในราคา 935,000 บาท หากจำเลยที่ 13 ไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 12 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 13 ให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจาก ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงให้ โจทก์ไปเพิกถอนคำขออายัดที่ดินดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 13 ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 13 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 13 หรือไม่ เห็นว่า คดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า โจทก์คดีนี้เป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทเพื่อทำนาจึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เมื่อนายฉลองและนายธวัชชัยโอนขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องสอด (จำเลยที่ 13) ผู้ร้องสอดต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ดังกล่าว การที่โจทก์คดีนี้อยู่ในที่ดินพิพาทไม่เป็นการละเมิดต่อจำเลยที่ 13 คดีถึงที่สุด ดังนั้น คำพิพากษาในคดีดังกล่าวที่วินิจฉัยว่า โจทก์เช่าที่ดินพิพาทเป็นที่ทำนา ย่อมผูกพันคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 13 ซึ่งเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าว ย่อมต้องผูกพันด้วย จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า โจทก์เช่าที่ดินพิพาทเพื่อทำนา การที่นายนิคมและนายนิยมโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่นายฉลองและนายธวัชชัย ต่อมาบุคคลดังกล่าวโอนขายแก่จำเลยที่ 13 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 13 ในคดีนี้ขอ ซื้อที่ดินพิพาทโดยอ้างสิทธิในฐานะผู้เช่าที่นา ตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 13 ในราคา 2,900,000 บาท โดยให้โจทก์ชำระราคาภายใน 60 วันนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา มิฉะนั้นให้ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจซื้อคืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share