คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความเสียหายของสินค้าที่บรรจุในลังหมายเลข 8 ว่า เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าสินค้าในลังหมายเลข 8 คือ เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด สูญหาย จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดจากสินค้าเครื่องสูบจำนวน 4 ชุด ซึ่งบรรจุในลังหมายเลข 8 เสียหาย เพราะเครื่องสูบหลวม ท่อแตกเสียหายเท่านั้น มิได้กล่าวอ้างให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดจากสินค้าเครื่องสูบสูญหายด้วย ซึ่งจำเลยก็ให้การว่าสินค้าในลังหมายเลข 8 เสียหายเพราะเครื่องสูบหลวมนั้นไม่ได้เกิดจากการขนส่ง แต่เป็นเพราะ ความบกพร่องของสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศซึ่งสัญญาประกันภัยไม่คุ้มครองความเสียหาย ประเด็นที่เกี่ยวกับสินค้าในลังหมายเลข 8 จึงมีเพียงว่า เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหายตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ และค่าเสียหายมีเพียงใดแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นว่าสินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด ก็หาได้หมายถึงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบถึงความเสียหายอื่น ๆ นอกเหนือจากที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่ การที่โจทก์นำสืบและฎีกาขอให้ได้ รับชดใช้ค่าเสียหายสำหรับเครื่องสูบ 4 ชุด ที่สูญหายไป จึงเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงและฎีกาให้จำเลยรับผิดใน เรื่องนอกเหนือคำฟ้อง ซึ่งไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลไม่อาจรับวินิจฉัยให้ได้
เมื่อโจทก์ได้บรรยายฟ้องยืนยันสภาพความเสียหายที่โจทก์ได้รับมาแน่นอน การที่โจทก์นำสืบถึงความเสียหายอย่างอื่นนอกเหนือจากความเสียหายที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้อง จึงมิใช่เป็นการนำสืบในรายละเอียดของความเสียหายที่โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้อง ศาลย่อมไม่อาจกำหนดค่าเสียหายสำหรับความเสียหายอย่างอื่นที่โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องนั้นได้
การที่ศาลจะมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ได้แม้โจทก์จะนำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่นอนนั้น หมายถึงกรณีที่โจทก์นำสืบถึงความเสียหายตามคำฟ้องได้แล้ว แต่นำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้แน่นอนเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,920,985.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,679,551.53 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกล่าวจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,679,551.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงินจำนวน 111,096.33 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์เป็นประการแรกว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ทางนำสืบของโจทก์เกี่ยวกับความเสียหายของเครื่องสูบทั้ง 4 ชุด ต่างกับคำฟ้อง เป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบกระบวนพิจารณาไม่อาจรับฟังได้ เป็นการวินิจฉัยเกินไปกว่าหรือนอกเหนือคำอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบเกี่ยวกับความเสียหายของเครื่องสูบทั้ง 4 ชุด เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำฟ้อง ซึ่งปัญหาที่ว่าคู่ความฝ่ายใดนำสืบข้อเท็จจริงนอกฟ้องหรอืนอกคำให้การหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้น อ้างอิงไว้ในอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นประการที่สองมีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยในฐานะ ผู้รับประเมินรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสินค้าเครื่องสูบทั้ง 4 ชุด ที่สูญหายไปหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความเสียหายที่บรรจุในลังหมายเลข 2, 5, 8, 13 และ 15 และบรรยายฟ้องต่อไปว่า โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายดังกล่าวและต้องเสียค่าเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์บางชิ้นรวมเป็นค่าซ่อมแซมที่เสียไปทั้งสิ้น 65,149.40 ดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 1,679,551.53 บาท โดยโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความเสียหายของสินค้าที่บรรจุในลังหมายเลข 8 ว่า เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าสินค้าในลังหมายเลข 8 คือเครื่องสูบจำนวน 4 ชุดสูญหาย ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดจากสินค้าเครื่องสูบจำนวน 4 ชุด ซึ่งบรรจุในลังหมายเลข 8 เสียหายเพราะเครื่องสูบหลวมท่อแตกเสียหายเท่านั้น มิได้กล่าวอ้างให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดจากสินค้าเครื่องสูบสูญหายด้วย ซึ่งในข้อนี้จำเลยให้การว่า สินค้าในลังหมายเลข 8 เสียหายเพราะเครื่องสูบหลวมนั้นไม่ได้เกิดจากการ ขนส่งแต่เป็นเพราะความบกพร่องของสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศซึ่งสัญญาประกันภัยไม่คุ้มครองความเสียหายในกรณีเช่นนี้ ประเด็นที่เกี่ยวกับสินค้าในลังหมายเลข 8 จึงมีเพียงว่า เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหายตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ และค่าเสียหายมีเพียงใด แม้ศาลชั้นต้นจะชี้สองสถานกำหนดประเด็นว่า สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด ก็หมายความถึงสินค้าของโจทก์ตามที่โจทก์ได้ระบุในคำฟ้องได้รับความเสียหายตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องหรือไม่เท่านั้น หาได้หมายความถึงโจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบถึงความเสียหายอื่น ๆ นอกเหนือที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องไม่ ดังนั้นเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าในลังหมายเลข 8 ว่า เครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหาย แต่โจทก์นำสืบว่าเครื่องสูบในลังหมายเลข 8 มีทั้งหมด 10 ชุด สูญหายไป 4 ชุด และอีก 4 ชุด ชิ้นส่วนหลุดจากกัน (หลวมตามคำฟ้องของโจทก์) ซึ่งสามารถซ่อมแซมได้โจทก์ซื้อเครื่องสูบใหม่ 4 ชุด เพื่อทดแทนเครื่องสูญที่สูญหายไป และฎีกาขอให้โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายสำหรับเครื่องสูบ 4 ชุด ที่สูญหายไปจึงเป็นการ นำสืบข้อเท็จจริงและฎีกาให้จำเลยรับผิดในเรื่องนอกเหนือคำฟ้อง ซึ่งไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยให้ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้รวมค่าเสียหายของเครื่องสูบที่สูญหายที่ต้องซื้อใหม่จำนวน 4 ชุด ไว้ในฟ้องด้วยแล้ว เพียงแต่มิได้บรรยายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้โดยละเอียดเท่านั้น และที่บรรยายก็เป็นเพียงการ ยกตัวอย่าง ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า คำฟ้องโจทก์บรรยายยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายของสินค้าเครื่องสูบในลังหมายเลข 8 ไว้ชัดเจนว่าเครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวม ท่อแตกเสียหาย เท่านั้น ไม่อาจแปลความว่าโจทก์มุ่งหมายถึงกรณีที่เครื่องสูบสูญหายด้วย และจะถือว่าคำฟ้องโจทก์ที่บรรยายถึงเครื่องสูบจำนวน 4 ชุด หลวมเป็นเพียงการยกตัวอย่างก็มิได้เช่นกัน เพราะขัดแย้งกับถ้อยคำที่มีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วว่า ฟ้องโจทก์ไมเคลือบคลุมโดยโจทก์ได้บรรยายถึงสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าในระหว่างการขนส่งเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาตามฟ้องแล้วนั้น ก็เป็นการวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 โดยได้บรรยายถึงสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าแล้วเท่านั้น หาได้วินิจฉัยว่าโจทก์ได้บรรยายถึงความเสียหายที่เกิดจากการที่สินค้าเครื่องสูบสูญหายมาในคำฟ้องด้วย สำหรับที่โจทก์ฎีกาว่า การพิสูจน์ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นศาลมีอำนาจที่จะกำหนดค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายได้อย่างกว้างขวาง แม้โจทก์จะนำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่นอนศาลก็มีอำนาจกำหนดให้ได้ตามที่เห็นสมควรนั้น เห็นว่า ในคดีนี้เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องยืนยันถึงสภาพความเสียหายที่โจทก์ได้รับมาแน่นอน การที่โจทก์นำสืบถึงความเสียหายอย่างอื่น นอกเหนือจาก ความเสียหายที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้อง จึงมิใช่เป็นการนำสืบในรายละเอียดของความเสียหายที่โจทก์กล่าวอ้างมาใน คำฟ้องศาลย่อมไม่อาจกำหนดค่าเสียหายสำหรับความเสียหายอย่างอื่นที่โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องนั้นได้ ที่ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ได้ แม้โจทก์จะนำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่นอนนั้นหมายถึงกรณีที่โจทก์นำสืบถึงความเสียหายตามคำฟ้องได้แล้ว แต่นำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงหาอาจกำหนดค่าเสียหายสำหรับสินค้าเครื่องสูบที่สูญหายจำนวน 4 ชุด ให้โจทก์ได้ไม่ อนึ่งเครื่องสูบ 4 ชุด ที่หลวมเสียหาย ซึ่งโจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้น แม้โจทก์จะนำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ แต่โจทก์ก็แถลงรับในฎีกาแล้วว่าโจทก์สามารถซ่อมแซมได้ และมิใช่ ค่าเสียหายที่โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share