คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8831/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์สั่งซื้อเครื่องตกแต่งหินแกรนิต จำนวน 2 ชุด จากบริษัทซ.ประเทศอิตาลี โจทก์ว่าจ้างจำเลยติดต่อขนส่งสินค้าดังกล่าวมาประเทศไทย จำเลยติดต่อบริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี บริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัดประเทศอิตาลี จ้างจำเลยร่วม ขนส่งสินค้าที่โจทก์สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีมาประเทศไทยปรากฏว่าสินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายเมื่อปรากฏว่า จำเลยประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำเลยมิได้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเอง จำเลยได้ยื่นจดทะเบียนเสียภาษีเป็นตัวแทนนายหน้ากับกรมสรรพากร บริษัทตัวแทนจะมีหน้าที่ในการติดต่อผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อนำสินค้าส่งต่อให้แก่ผู้ขนส่ง ในการรับสินค้าทางบริษัทตัวแทนจะออกใบเฮ้าส์บิล ออฟเลดดิ้ง เพื่อแสดงว่าได้รับสินค้าตามจำนวนและส่งให้แก่ผู้ขนส่งและผู้ขนส่งจะออกหลักฐานเป็นบิลออฟเลดดิ้ง หรือใบตราส่ง จำเลยจึงเป็นตัวแทนผู้ส่ง ไม่ใช่ผู้ขนส่งหรือผู้ร่วมขนส่งเรือ พ.ของจำเลยร่วมที่ 2 เดินทางมาถึงท่าเรือบริษัท ด. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์2535 โจทก์ได้รับมอบสินค้าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2535 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 ใช้บังคับจึงต้องนำ ป.พ.พ.มาตรา 624มาใช้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 4 วรรคสอง ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้งสองเข้ามาเป็นคู่ความในคดีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2536ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันส่งมอบสินค้าคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา 624
โจทก์ฎีกาว่า สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในมูลละเมิด เมื่อจำเลยร่วมทั้งสองถูกเรียกเข้ามาเป็นคู่ความ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2536 ต้องถือว่าโจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 25 มีนาคม 2536คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยยกข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดในมูลหนี้ผิดสัญญารับขนของ หาได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๔ โจทก์สั่งซื้อเครื่องตกแต่งหินแกรนิต จำนวน ๒ ชุด จากบริษัทซีแม็ค จำกัด ประเทศอิตาลี ในราคาเอฟ.โอ.บี เป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ลีร์ คิดเป็นเงินไทย ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทโจทก์ว่าจ้างจำเลยขนส่งทางทะเลมายังประเทศไทย และเอาประกันภัยไว้กับบริษัทคอมเมอร์เชียลยูเนี่ยนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด วันที่ ๑ กุมภาพันธ์๒๕๓๕ สินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพ ปรากฏว่าสินค้าเสียหาย สำรวจพบว่าเครื่องตกแต่งหินแกรนิตทั้งสองเครื่อง เสียหาย อันเกิดจากการรับขนของจำเลย โจทก์ต้องซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เสียหายและทำการซ่อมสินค้าเป็นเงิน ๑๘,๕๐๙,๕๐๐ บาท ผู้รับประกันภัยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๘,๕๐๙,๕๐๐ บาท จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ การที่เครื่องตกแต่งหินแกรนิตเสียหายแตกชำรุดต้องใช้เวลาซ่อมแซม ๘ เดือน เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถผลิตหินแกรนิตออกจำหน่ายขาดรายได้วันละ ๒๐๐ ตารางเมตร กำไรตารางเมตรละ ๙๐๐ บาท รวมรายได้ที่โจทก์ขาดไป ๘ เดือน เป็นจำนวน๔๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท ค่าเสื่อมราคาของเครื่องตกแต่งหินแกรนิตที่ต้องซ่อมแซมแล้วโจทก์ขอคิดเป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น ๖๑,๗๐๙,๕๐๐ บาทกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ ถึงวันฟ้องจำนวน๘,๙๗๗,๔๖๔.๒๕ บาท รวมเป็นเงิน ๗๐,๖๘๖,๙๖๔.๒๕ บาท โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๗๐,๖๘๖,๙๖๔.๒๕ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๑,๗๐๙,๕๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทอินเตอร์คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี ซึ่งไม่ได้ประกอบกิจการรับขนสินค้าทางทะเลเช่นกันไม่มีเรือเดินทะเลเป็นของตนเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้า ขอให้ยกฟ้องไม่ใช่ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น นายเรือส่งมอบสินค้าให้แก่ท่าเรือกรุงเทพในสภาพเรียบร้อยไม่มีความเสียหาย ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่ได้ขาดประโยชน์ระหว่างการซ่อมสินค้า ค่าเสื่อมราคาสูงเกินจริงและเป็นพฤติการณ์พิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นได้ หากต้องรับผิด จำเลยต้องรับผิดไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อ ๑ หน่วยการขนส่ง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยขอให้หมายเรียกบริษัทแบล็คซีชิปปิ้ง จำกัด และบริษัทลาวชิปปิ้ง จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยให้เรียกว่าจำเลยร่วมที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับ
จำเลยร่วมทั้งสองให้การว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๔ โจทก์สั่งซื้อเครื่องตกแต่งหินแกรนิต จำนวน ๒ ชุด จากบริษัทซีแม็ค จำกัด ประเทศอิตาลี ในราคาเอฟ.โอ.บี เป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ลีร์ คิดเป็นเงินไทย ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทโจทก์ว่าจ้างจำเลยติดต่อขนส่งสินค้าดังกล่าวมาประเทศไทย จำเลยติดต่อบริษัทอินเตอร์คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี บริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลีจ้างบริษัทแบล็คซีชิ้ปปิ้ง จำกัด จำเลยร่วมที่ ๑ ขนส่งสินค้าที่โจทก์สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีมาประเทศไทย โดยขนส่งมากับเรือเซอร์กาซอพ แต่ในระหว่างทางมีเหตุขัดข้องจำเลยร่วมที่ ๑ ต้องขนถ่ายสินค้ามากับเรือปีเตอร์ ดูทอร์ฟ ซึ่งเป็นเรือของจำเลยร่วมที่ ๑ และเรือพัฒนา ๑๘๘ ซึ่งเป็นเรือของจำเลยร่วมที่ ๒ โดยบริษัทไบรท์สตาร์ ชิปปิ้งจำกัด เป็นผู้ขนถ่ายสินค้าจากเรือเซอร์กาซอพ ลงเรือพัฒนา ๑๘๘ ครั้นวันที่ ๑กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรือพัฒนา ๑๘๘ มาถึงท่าเรือบริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด และส่งมอบสินค้าให้แก่นายท่า ปรากฏว่าสินค้าของโจทก์ที่มากับเรือพัฒนา ๑๘๘ ได้รับความเสียหาย ต่อมาบริษัทคอมเมอร์เชียลยูเนี่ยนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัดผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท คดีสำหรับจำเลยร่วมที่ ๑ และที่ ๒ ฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยร่วมที่ ๑ และที่ ๒ ได้ร่วมกันขนส่งสินค้าพิพาทรายนี้
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประเด็นแรกว่า จำเลยเป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าพิพาทด้วยหรือไม่ โจทก์ฎีกาในทำนองว่า โจทก์ติดต่อกับจำเลยในประเทศไทยเพื่อให้ขนสินค้าพิพาทจากประเทศอิตาลีมาประเทศไทย จำเลยติดต่อตัวแทนที่ประเทศอิตาลี โดยตัวแทนที่ประเทศอิตาลีจะทำหน้าที่ติดต่อผู้ขนส่ง โดยทำหน้าที่แทนผู้ขายเป็นการแบ่งหน้าที่กัน ลักษณะการดำเนินงานของจำเลยเป็นการร่วมกันทำการขนส่งกับจำเลยร่วมทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของเรือนั้น เห็นว่า โจทก์มีนายขจรเดชเจริญเวชฬพัฒน์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความตอบคำถามค้านจำเลยว่า พยานเป็นผู้ดำเนินการรับส่งสินค้าด้วยตนเอง ก่อนที่จะสั่งซื้อสินค้ารายพิพาท โจทก์เคยสั่งซื้อสินค้ารายอื่นมาก่อน การส่งสินค้าพยานสามารถติดต่อกับเรือที่ขนส่งสินค้าให้มารับสินค้าได้โดยตรง นอกจากจะติดต่อกับเจ้าของเรือโดยตรงแล้ว จะติดต่อกับตัวแทนเรือก็ได้การติดต่อเรือจะติดต่อกับเอเย่นต์เรือก็ได้ หรือจะให้ตัวแทนของพยานไปติดต่อกับเจ้าของเรือโดยตรงก็ได้ ตัวแทนเรือจะแจ้งเวลาเรือออกและค่าขนส่ง บริษัทจำเลยได้เสนอค่าระวางตามเอกสารหมาย จ.๑ ตามเอกสารหมาย จ.๑๘ (ที่ถูกน่าจะเป็นจ.๓๘) มีการเสนอค่าระวางมาให้พยานเลือก ตามเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๓๘จำเลยได้ระบุท้ายเอกสารว่าเป็น เฟรจ ฟอร์เวิดเดอร์ (FREIGHT FORWARDERS)นอกจากนี้นางศิริวรรณ เฉลิมเตียวสกุล พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความตอบคำถามค้านจำเลยว่า โดยปกติประเพณีการขนส่งทางทะเล จะมีบริษัทเฟรจ ฟอร์เวิดเดอร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับการจัดขนส่งสินค้าให้แก่ผู้ส่งของรวมทั้งติดต่อถึงผู้ขนส่งแทนผู้ส่งสินค้าด้วย ในการติดต่อกับเฟรจ ฟอร์เวิดเดอร์ เฟรจฟอร์เวิดเดอร์จะออกเอกสารเรียกว่าเฮ้าส์บิลออฟเลดดิ้ง (HOUSE BILL OF LADING)ให้แก่ผู้ส่งด้วยตามเอกสารหมาย จ.๕ แสดงว่าบริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัดประเทศอิตาลี เป็นเฟรจฟอร์เวิดเดอร์ เท่าที่ทราบจำเลยประกอบธุรกิจเป็นเฟรจฟอร์เวิดเดอร์เช่นเดียวกัน คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองปากจึงเจือสมกับคำเบิกความของนายสวัสดิ์ ไหวพริบ พยานจำเลย ซึ่งเบิกความว่า จำเลยประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำเลยมิได้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเอง จำเลยได้ยื่นจดทะเบียนเสียภาษีเป็นตัวแทนนายหน้ากับกรมสรรพากร ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๑ บริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัดประเทศอิตาลี ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนนายหน้าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเช่นเดียวกับจำเลย ในการเป็นตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ มีชื่อเฉพาะว่า เฟรจฟอร์เวิดดิ้ง หรือ ฟอร์เวิดดิ้ง เอเย่นต์ บริษัทตัวแทนจะมีหน้าที่ในการติดต่อผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อนำสินค้าส่งต่อให้แก่ผู้ขนส่ง ในการรับสินค้าทางบริษัทตัวแทนจะออกใบเฮ้าส์บิล ออฟเลดดิ้ง เพื่อแสดงว่าได้รับสินค้าตามจำนวนและส่งให้แก่ผู้ขนส่งและผู้ขนส่งจะออกหลักฐานเป็นบิลออฟเลดดิ้ง หรือใบตราส่ง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนผู้ส่ง ไม่ใช่ผู้ขนส่งหรือผู้ร่วมขนส่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าพิพาทที่ขนส่งรายนี้
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ต่อไปว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์สำหรับจำเลยร่วมที่ ๑ และที่ ๒ ขาดอายุความแล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ฟังยุติว่า เรือพัฒนา ๑๘๘ ของจำเลยร่วมที่ ๒ เดินทางมาถึงท่าเรือบริษัทเดินทะเล จำกัด ในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ โจทก์ได้รับมอบสินค้าเมื่อวันที่ ๒๐กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๓๑ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่พระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ ใช้บังคับจึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๒๔ มาใช้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔ วรรคสอง ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้งสองเข้ามาเป็นคู่ความในคดีเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๖ ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปีนับแต่วันส่งมอบสินค้าคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๒๔
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในมูลละเมิดเมื่อจำเลยร่วมทั้งสองถูกเรียกเข้ามาเป็นคู่ความ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๖ต้องถือว่าโจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ ๒๕มีนาคม ๒๕๓๖ คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยยกข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดในมูลหนี้ผิดสัญญารับขนของหาได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายืน.

Share