แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่น และหนังสือรับรองของโรงพยาบาลซึ่งรับรองว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรค วินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชนตาม พ.ร.บ. การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มาตรา 30, 57 เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียว คือ เพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานทำการประกอบโรคศิลปะอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 6 เดือน ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 10 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 5 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตและความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุก 6 เดือน รวมจำเลยจำคุก 1 ปี 3 เดือน เป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๖, ๒๔, ๕๗ พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๐, ๕๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง, ๒๔ วรรคหนึ่ง, ๕๗ พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๐, ๕๗ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ฐานทำการประกอบโรคศิลปะ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก ๖ เดือน ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ จำคุก ๔ เดือน รวมจำคุก ๒ ปี ๑๐ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี ๕ เดือน พิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากรายงาน การสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วไม่สมควรรอการลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต และความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๕๗ เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายมาตราเดียวกัน แต่มีอัตราโทษไม่เท่ากัน จึงให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๖ เดือน เมื่อรวมโทษตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ แล้ว จำคุก ๒ ปี ๖ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๓ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สมควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์ก่อนว่า การกระทำของจำเลยในฐานทำการประกอบโรคศิลปะ และฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ เป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่น และหนังสือรับรองของโรงพยาบาลสยาม ซึ่งรับรองว่า จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรค วินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชน การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียว คือ เพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาว่า การกระทำ ทั้งสองฐานความผิดเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทและใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงแก่จำเลยนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่รับอนุญาต ฐานทำการประกอบโรคศิลปะ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ รวมจำเลยจำคุก ๑ ปี ๕ เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ แก้เป็นว่าความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและ รับใบอนุญาต และความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก ๖ เดือน รวมจำเลยจำคุก ๑ ปี ๓ เดือน เป็นกรณีแก้ไข เล็กน้อย และยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน ๕ ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน