แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า  คำสั่งของศาลชั้นต้นที่กำหนดหน้าที่นำสืบไม่ถูกต้อง  ขอให้ทำการชี้สองสถานและกำหนดหน้าที่นำสืบใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต  จำเลยทั้งสองไม่โต้แย้งคำสั่ง  ศาลชั้นต้นดำเนินการ-สืบพยานจนเสร็จสำนวนและพิพากษาคดีแล้ว  จึงอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่-นำสืบนี้อีกไม่ได้  ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2) และ 247
        คำฟ้องกล่าวว่า  จำเลยทั้งสองทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์  ได้เบิกเงินเกินบัญชีหลายครั้ง และนำเงินเข้าหักทอนบัญชีตลอดมา คงเป็นหนี้ตามบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องแล้วผิดสัญญา  ขอให้บังคับชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา  คำฟ้องดังกล่าวจึงแสดงโดยแจ้งชัด  ซึ่งสภาพแห่งข้อหา  คำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา  ส่วนวิธีการคำนวณดอกเบี้ยจากต้นเงินและวันเดือนปีใดแม้โจทก์จะมิได้บรรยายไว้  ก็เป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา  ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
        หลังจากครบกำหนดสัญญาแล้ว  จำเลยทั้งสองยังคงเบิกเงิน-เกินบัญชี  และนำเงินเข้าหักทอนบัญชีกับโจทก์ต่อไป เป็นการต่ออายุสัญญาออกไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาจนกว่าโจทก์หรือจำเลยทั้งสองจะบอกเลิกสัญญา  โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นต่อไปจนถึงวันบอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสอง

