คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3369/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในคดีแพ่งได้หรือไม่ เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ แม้จำเลยจะคัดค้าน แต่หากศาลเห็นว่าการถอนฟ้องของโจทก์ไม่เป็นเหตุให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี เพราะหากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่ ก็อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้จำนวน ๙๗๘,๓๔๕.๓๖ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๔๒,๕๗๔.๒๑ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว คงค้างชำระเพียง๖๙๑,๓๒๘ บาทเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยคัดค้านว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ ศาลสั่งให้โจทก์แถลงรายการหนี้สินภายใน ๗ วัน มิฉะนั้นถือว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง จึงไม่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นนี้ว่า คำสั่งของศาลล่างทั้งสองที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๕ บัญญัติไว้ความว่าภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้ว โจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อน แสดงว่าการที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ขอถอนฟ้องขัดต่อคำแถลงของโจทก์ตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ และโจทก์ไม่อาจแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเพราะไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และชี้สองสถานไปแล้ว การถอนฟ้องของโจทก์จึงจงใจทำให้จำเลยเสียหายและเอาเปรียบจำเลย เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตศาลต้องไม่อนุญาตและต้องสั่งว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามคำสั่งศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ นั้น เห็นว่า ตามคำแถลงของโจทก์ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ โจทก์ได้แถลงเกี่ยวกับหนี้สินของจำเลยต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดแล้ว กล่าวคือ แถลงต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๑ โดยแจ้งว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์มีจำนวนมากกว่าที่ฟ้อง เนื่องจากพนักงานของโจทก์แจ้งยอดหนี้ผิด ทำให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยน้อยกว่าที่ค้างชำระอยู่จริง การใช้สิทธิถอนฟ้องของโจทก์เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหากถอนฟ้องแล้วโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิต่อสู้คดีเต็มที่เช่นกัน การที่ฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะคดีย่อมแล้วแต่พยานหลักฐานของคู่กรณี ตรงกันข้ามหากศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำเลยอาจจะได้เปรียบในเชิงคดีก็เป็นได้ เพราะหากจำเลยเป็นหนี้โจทก์มากกว่าที่ฟ้อง จำเลยอาจไม่ต้องชำระหนี้จำนวนดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้สิทธิไม่สุจริตเอาเปรียบในเชิงคดีแต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share