แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยาน จำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้ และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้อง เมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่ หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้น จึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต การดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคาร ที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้ ้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๔ จำเลยปลูกสร้างต่อเติมอาคารปกคลุมที่ว่างทางเดินหลังอาคาร โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมาย และการปลูกสร้างดังกล่าวเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงและออกใบอนุญาตให้ได้ ผู้รักษาการแทนหัวหน้าเขตยานนาวาซึ่งได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างและรื้อถอนที่ก่อสร้างต่อเติมดังกล่าว จำเลยเพิกเฉยและมิได้อุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลย ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาปรับจำเลย ๒,๐๐๐ บาท ตามคดีแดงที่ ๑๑๖๗๗/๒๕๒๔ จำเลยจึงมีหน้าที่รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างต่อเติมดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างต่อเติมหากจำเลยไม่รื้อถอน ให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ก่อสร้างต่อเติมอาคารตามฟ้อง อาคารส่วนต่อเติมได้ก่อสร้างเสร็จก่อนหน้านั้นเป็นเวลานานแล้วก่อนจำเลยได้รับหนังสือแจ้งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการดังกล่าววินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยแล้วเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๕ จำเลยมิได้ฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงถึงที่สุด โจทก์มีสิทธิบังคับได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ว่างด้านหลังอาคารของจำเลยไม่สามารถเดินทะลุถึงอาคารข้างเคียงได้ อาคารส่วนที่ต่อเติมมีสภาพมั่นคง แข็งแรงไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลใด ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดชี้สองสถานงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัด จำเลยยื่นคำร้องว่า คำให้การของจำเลยมีข้อความที่บกพร่องไม่แจ้งชัด พิมพ์ผิดพลาดอยู่หลายแห่ง จึงขอแก้ไขคำให้การโดยขอยกเลิกคำให้การเดิมและขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบมาท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขอยกเลิกคำให้การเดิมเป้นการถอนคำให้การเดิมทั้งหมด ดังนี้การที่จำเลยขอให้คำให้การใหม่ภายหลังพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นคำให้การ จึงไม่อาจกระทำได้ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนต่อเติม หากจำเลยไม่รื้อถอนก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลย เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้วนัดฟังคำพิพากษา กรณีจึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยาน จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๐ วรรคสอง การที่จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวว่าขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้อง โดยจำเลยให้เหตุผลไว้แล้วว่าเพราะคำให้การเดิมบกพร่องไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง เมื่อพิจารณาคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่ เห็นได้ว่าหาเป็นการยกเลิกคำให้การเดิมแล้วทั้งสิ้น เนื้อหาสาระสำคัญและประเด็นในคำให้การใหม่ มิได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิมทั้งหมดเป็นแต่เพียงคำให้การใหม่จำเลยได้เพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความในคำให้การเดิมเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้น ดังนี้ กรณีถือได้ว่าจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การโดยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่เป็นการแก้ข้อหาเดิมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างหรือข้อเถียงเพื่อสนับสนุนหรือเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งจำเลยย่อมกระทำได้ตามมาตรา ๑๗๙ (๓) ชอบที่ศาลจะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การดังกล่าว
ที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้มิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแดงที่ ๑๑๖๗๗/๒๕๒๕ จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งคดีนี้มิได้นั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นไปตามขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด เริ่มตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจพบขณะทำการก่อสร้างว่า ทำการก่อสร้างโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ระงับการก่อสร้างได้ หากการก่อสร้างไม่สามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นได้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้รื้อถอนได้ และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนเจ้าพนักงานท้องถิ่นก็มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้บังคับให้รื้อถอน เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่ามีการก่อสร้างโดยมิได้รับอนุญาตจริงศาลมีอำนาจบังคับได้มีการรื้อถอนได้ จะเห็นได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวมิได้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ แต่ประการใดเลย ดังนั้นการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งคดีนี้หาได้ไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี