คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายซึ่งศาลสั่งเห็นชอบแล้ว มีข้อความสำคัญว่า “ลูกหนี้ยอมชำระบรรดาหนี้ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วเป็นจำนวนร้อยละสิบ มีกำหนดชำระงวดเดียวภายในหกเดือนนับแต่วันศาลสั่งเห็นชอบในการประนอมหนี้” ซึ่งในขณะศาลพิจารณาการประนอมหนี้ก็มีหนี้หลายรายที่ศาลสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้ว ฉะนั้นเมื่อพ้นกำหนดหกเดือนลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มีอำนาจขอต่อศาลให้บังคับผู้ค้ำประกันให้ปฏิบัติตามข้อความที่ประนอมหนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าศาลสั่งคำขอรับชำระหนี้เสร็จสิ้นถึงหนี้งรายสุดท้ายเลย

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลแพ่งสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลยที่ ๒ ) เด็ดขาด และมีการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย โดยมีนายทองอยู่ เอี่ยมสินเป็นผู้ค้ำประกันซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบ คำขอประนอมหนี้มีความสำคัญว่า ลูกหนี้ยอมชำระบรรดาหนี้ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วเป็นจำนวนร้อยละสิบ มีกำหนดชำระงวดเดียวภายในหกเดือน นับแต่วันศาลสั่งเห็นชอบในการประนอมหนี้ ครั้นพ้นกำหนดลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ศาลบังคับคดีผู้ค้ำประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๕๗ ชำระหนี้แทนลูกหนี้ ๒๑๘,๕๘๗.๙๓ บาท ศาลออกคำบังคับตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอ
ผู้ค้ำประกันรับคำบังคับแล้วขอให้บังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ ก่อนและขอให้ศาลเพิกถอนคำบังคับ ต่อมาแถลงไม่ติดใจร้องขอให้ศาลเรียกลูกหนี้ให้ชำระหนี้โดยขอผ่อนเวลา ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผ่อนให้ ๔๕ วัน ศาลสั่งงดการบังคับคดีไว้ แต่ในที่สุดผู้ค้ำประกันก็ไม่ได้ชำระหนี้ตามที่ตกลง ศาลจึงออกหมายบังคับคดีตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอ
ลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังสอบสวนคำขอรับชำระหนี้เพื่อเสนอศาลมีคำสั่งไม่เสร็จสักรายเดียว เจ้าหนี้บางรายขอมาไม่ถูกต้อง ลูกหนี้ได้คัดค้านไว้แล้ว จะถือว่าลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันผิดนัดผิดสัญญาในการประนอมหนี้ไม่ได้ ขอให้งดการบังคับคดีผู้ค้ำประกันไว้จนกว่าจะทราบจำนวนหนี้ที่แน่นอน และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ได้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ศาลแพ่งสั่งยกคำร้อง
ลูกหนี้และผู้ค้ำประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่มีเหตุควรงดการบังคับคดี แต่เนื่องจากเดิมเจ้าพนักงานพิทักษ์ขอให้ศาลออกคำบังคับคดีผู้ค้ำประกันชำระหนี้ ๒๑๘,๕๔๗.๙๓ บาท ครั้นต่อมาแถลงว่าหนี้ที่แน่นอนแล้วซึ่งลูกหนี้ต้องชำระ ๑๒๐,๕๘๙.๙๓ ซึ่งลูกหนี้ไม่ค้าน จึงพิพากษาแก้ว่า ในชั้นแรกนี้ให้บังคับคดีผู้ค้ำประกันรับผิด ๑๒๓,๕๘๙.๙๓ บาท นอกจากที่แก้ยืน
ลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะศาลพิจารณาการประนอมหนี้ มีหนี้กลายรายที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตได้รับชำระหนี้อยู่แล้ว กำหนดเวลาหกเดือนตามคำขอประนอมหนี้ที่ลูกหนี้ยอมชำระหนี้นั้น แสดงแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ใช้บังคับแก่หนี้ที่ศาลสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระแล้ว ส่วนหนี้รายอื่นที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ ศาลยังมิได้มีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระนั้น ไม่เกี่ยวกับกำหนดเวลานี้ และไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าจะสั่งเสร็จสิ้นถึงหนี้รายสุดท้ายเลย พิพากษายืน

Share