คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 243 ได้กล่าวยืนยันมาด้วยว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานเอาคดีขึ้นว่า กล่าวแล้ว จำเลยมิได้คัดค้านประการใด คงให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดตามฟ้องเท่านั้น ดังนี้ ปัญหาข้อที่ว่า การร้องทุกข์ถูกต้องตามแบบระเบียบหรือไม่ อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น ไม่มีประเด็นที่คู่ความยกขึ้น กล่าวเลย ศาลจึงไม่จำต้องวินิจฉัยถึง
ผู้เยาว์อายุ 18 ปี ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยไม่ต้องให้ผู้แทนโดยชอบธรรม ลงลายมือชื่อในการร้องทุกข์ด้วย ก็ใช้ได้
(อ้างฎีกาที่ 214/2494)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉุดคร่าห์ พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา ๒๗๖ มีกำหนดคนละ ๑ ปี และจำคุกนายฉลอมจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา ๒๔๓ อีกกะทงหนึ่ง มีกำหนด ๒ ปี รวมโทษนายฉลอมจำเลยมีกำหนด ๓ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์จะร้องทุกข์ตามลำพังตนเองนั้น ถือว่ายังไม่ถูกต้อง จึงพิพากษาแก้ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ให้ลงโทษนายฉลอมจำเลยตามมาตรา ๒๔๓ นั้นเสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ฟ้องของโจทก์กล่าวยืนยันว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานเอาคดีขึ้นว่ากล่าวแล้ว จำเลยมิได้คัดค้าน ผู้เสียหายก็มาเบิกความเป็นพยานกรณีไม่มีเหตุควรสงสัยว่าไม่มีการร้องทุกข์ ส่วนปัญหาการร้องทุกข์ถูกต้องตามแบบระเบียบหรือไม่ อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น ก็ไม่มีประเด็นที่คู่ความยกขึ้นกล่าวเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่กล่าวว่า การร้องทุกข์น่าจะต้องให้ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายลงลายมือชื่อในการร้องทุกข์ด้วย เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติไว้ดังนั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๔/๒๔๙๔
จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดียืนตามศาลชั้นต้น

Share