คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว แม้การที่ศาลชั้นต้นยืดเวลาอายุอุทธรณ์ให้จำเลยนั้น จะยึดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์หาว่า จำเลยสมคบกับพวกพยายามปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ทำร้ายพวกเจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานตำรวจบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยตามมาตรา ๒๕๐ ก.ม.ลักษณะอาญา จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๔๙๒ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ วันที่ ๑๖ เดือนเดียวกันจำเลยยื่นคำร้องขอยืดอายุอุทธรณ์ออกไปอีก ๓ วัน ศาลอนุญาต ต่อมาวันที่ ๑๘ เดือนนั้นจำเลยยื่นอุทธรณ์พิสดาร ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ป.ม.วิ.อาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องขยายหรือย่นเวลาการยื่นอุทธรณืไว้ อาศัย ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕ และ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๓ ศาลชั้นต้นสั่งขยายกำหนดอายุอุทธรณ์ได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ คดีนี้เหตุผลพิเศษ เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นที่ให้ยืดอายุอุทธรณ์ และเชื่อข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ปราณีลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ให้จำคุกตลอดชีวิตนอกนั้นยืน
คู่ความฎีกา โจทก์คัดค้านการยืดเวลาอุทธรณ์ จำเลยคัดค้านข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะมิได้ยื่นอุทธรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๔๕ วรรค ๒ ก็ยังคับให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนามาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาก่อน คดีจึงจะถึงที่สุดได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นยืดเวลาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยนั้น จะยืดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ คดีนี้ทำให้รูปคดีเสียไป อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาต่อไป ส่วนข้อเท็จจริงไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องปล้น ให้จำคุก ๒๐ ปีตามมาตรา ๒๔๙ ไม่ลดโทษและเพิ่มไม่ได้ นอกนั้นยืน

Share