คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยสั่งว่า “…พิเคราะห์เห็นข้อความที่ตัดสินนั้น เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา” คำสั่งดังนี้ตรงตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 221 แล้ว ศาลฎีการับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาได้
ชายจับมือหญิงสาว กระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานกระทำอนาจาร ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๖ ให้จำคุก ๑ เดิอน ปรับ ๑๒๐ บาท โทษจำคุกให้ยกเสีย คงปรับสถานเดียว
นางสาวเสริมโจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๑ เดือน ปรับ ๑๒๐ บาท
นางสาวเสริม และจำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของนางสาวเสริม โดยว่าเป็นข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยศาลชั้นต้นสั่งว่า “ฯลฯ พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้น เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา”
ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ฎีกา ตรงตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๒๑ แล้ว จึงรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา
สำหรับข้อเท็จจริงนั้น ฟังว่า จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับพี่ชายผู้เสียหาย ในคืนวันเกิดเหตุจำเลยไปหาพี่ชายผู้เสียหาย แต่ไม่พบ จึงเรียกให้นางสาวเสริมผู้เสียหายเปิดประตูนางสาวเสริมเห็นจำเลยเมาก็ไม่กล้าเปิด จำเลยเกิดโทษะถีบประตูเปิดออกเดินเข้าไปหานางสาวเสริม ๆ จะวิ่งหนี จำเลยจึงตะครุบข้อมือได้แล้ว กระชากมา นางแบบร้องห้ามขออย่าให้ทำนางสาวเสริม พอดีนางสาวเสริมหลุดได้วิ่งหนี จำเลยยังเอามีแทงนางสาวเสริมอีก แต่ไม่ถูก เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะ จำเลยจับข้อมือนางสาวเสริมกระชากมาเพื่อจะทำร้าย หาใช่เจตนาจะทำอนาจารไม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้ว จึงไม่ใช่เพื่อการอนาจาร จะลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามฟ้องไม่ได้ จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share