แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่บ้านสวนและที่นาแก่ฝ่ายจำเลย ซึ่งมีข้อความว่า ภายใน 3 เดือน ถ้าไม่ไถ่ให้ถือเอาเป็นกรรมสิทธิ ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทมากกว่า 20 ปี แล้ว ดังนี้ ถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิที่พิพาทตกเป็นของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่ เมื่อ ๑๕-๑๖ ปีมานี้โจทก์ได้ทำหนังสือกู้เงิน อ.สามีจำเลย ๒๐๐ บาท เอาที่บ้านสวนมะพร้าวกับที่นาให้เป็นประกันและทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อ ๗-๘ ปีมนี้ อ.ตายโจทก์ไปขอไถ่ จำเลยไม่ยอม จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขายฝากที่พิพาทแก่ อ.๒๓ ปีมาแล้ว สัญญาจะไถ่ใน ๓ เดือน พ้นกำหนดแล้วยอมสละสิทธิให้เป็นของ อ.สามีของจำเลย ได้ความว่าโจทก์ได้ทำสัญญาขายฝากแก่ อ.ซึ่งมีข้อความว่า โจทก์ได้ขายฝากที่พิพาทแก่ อ. แต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๖ ภายใน ๓ เดือนถ้าไม่นำเงินมาไถ่ให้ถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ และจำเลยได้ครอบครองมากว่า ๒๐ ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์แสดงเจตนาสละกรรมสิทธิให้ อ.หลังจากวันกู้ ๓ เดือน อ.และจำเลยครอบครองทีดินเกิน ๑๐ ปีแล้วจึงได้กรรมสิทธิ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยนำสืบยังไม่พอฟังว่า โจทก์ได้ทำสัญญาและตกลงขายฝากไว้กับสามีจำเลย โจทก์เอาเงินไปมอบที่ดินให้ยึดถือ จำเลยครอบครองแทน หาได้สิทธิไม่ พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนที่พิพาทแก่โจทก์เมื่อชำระเงิน ๒๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซึ่งมีข้อความดังกล่าวไว้ให้แก่ อ.สามีจำเลย ๆ ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของและให้ผู้อื่นเช่ามากกว่า ๒๐ ปีแล้ว ที่พิพาทตกเป็นของจำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น