แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนี้ฝ่ายหนึ่ง กับ ม.พ.ฮ.ฝ่ายหนึ่ง ได้ทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยชกต่อย พ. ไม่ถึงกับเกิดอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 แล้วโจทก์แถลงว่า เหตุในคดีนี้กับอีกคดีหนึ่งของศาลทหารเกิดในเวลาเดียวกัน เป็นการกระทำครั้งเดียวกัน เป็นแต่ว่าข้อหาในคดีนี้จะยื่นฟ้องต่อศาลทหารไม่ได้ โจทก์จึงแยกฟ้องเป็นคดีนี้ ดังนี้ จะแปลเอาทีเดียวว่าเป็นการกระทำผิดอันเป็นกรรมเดียวกันและศาลได้มีคำพิพากษาในความผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วยังไม่ได้ ชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๐๔ เวลากลางวัน จำเลยนี้ฝ่ายหนึ่ง กับนายหมา นางเพ็กเอ็ง นางสาวเฮียะ ฝ่ายหนึ่ง ได้ทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยชกต่อยทำร้ายร่างกายนางเพ็กเอ็งแต่ไม่ถึงกับเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑ และนับโทษต่อจากคดีดำที่ ๑๙๗/๒๕๐๔ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ (ศาลจังหวัดสุรินทร์)
ศาลชั้นต้นประทับฟ้องแล้วสอบโจทก์ ฯ แถลงว่า เหตุในคดีนี้กับคดีของศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ (ศาลจังหวัดสุรินทร์) ที่ ๑๙๗/๒๕๐๔ เกิดในเวลาเดียวกัน เป็นการกระทำครั้งเดียวกันเป็นแต่ว่าข้อหาในคดีนี้เป็นข้อหาที่จะยื่นฟ้องต่อศาลทหานไม่ได้ โจทก์จึงแยกฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ (ศาลจังหวัดสุรินทร์)เลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๐๔ เลขแดงที่ ๑๘๕/๒๕๐๔
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่โจทก์แถลงว่งเหตุเกิดเวลาเดียวกัน เป็นการกระทำครั้งเดียวกัน น่าจะเป็นว่าจำเลยกระทำร้ายผู้เสียหาย ๒ คนในคราวเดียวกัน แต่เป็นการกระทำต่างกรรมจะแปลเอาทีเดียวว่าเป็นการกระทำผิดอันเป็นกรรมเดียวกันและศาลได้มีคำพิพากษาในความผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้แล้วยังไม่ได้ ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายืน.