แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 72 เพราะจำเลยเคยต้องโทษปรับฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตมาแล้ว ไม่เข็ดหลาบนั้น บัดนี้ ได้มีประมวลกฎหมายอาญา มง 92 บัญญัติให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดอีกเฉพาะผู้ที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว ศาลต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 3 จะเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้.
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์และจำเลยเคยต้องโทษปรับฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตมาแล้วไม่เข็ดหลาบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๓๐๑,๖๓ จำคุก ๑๒ ปี เพิ่มโทษตาม ม. ๗๒ ลดตาม ม. ๕๙ เพราะจำเลยรับชั้นสอบสวน กำหนด ๑ ใน ๓ เท่ากัน หักกลบลบกันไปตาม ม. ๓๐๑ คงจำคุก ๑๒ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง แต่ในข้อกฎหมายเห็นว่า ในข้อที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๗๒ เพราะไม่เข็ดหลาบอีก ๑ ใน ๓ นั้น บัดนี้ ได้มีประมวลกฎหมายอาญา ม. ๙๒ บัญญัติให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดอีกเฉพาะผู้ที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว กรณีนี้ จำเลยเป็นแต่เพียงต้องโทษปรับฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาต ศาลต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๓ จะเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากาษแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๓๐๑ มีกำหนด ๑๒ ปี ปราณีลดโทษตาม ม. ๕๙ เสีย ๑ ใน ๓ คงให้จำคุก ๘ ปี นอกจากที่แก้ไขนี้คงยืน.