คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลรวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131 และ 230 มิใช่ลงโทษตามบทที่หนัก โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในกรณีนี้จึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 162 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา ม.3 (1) ไม่เป็นกรณีที่ศาลจะต้องกำหนดโทษเสียใหม่

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลอาญาที่พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๑๓๑ ซึ่งแก้ไขโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ.๒๔๘๔ ม.๓ กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานเจ้าพนักงานจดบัญชีเท็จตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๓๐ อีกกระทงหนึ่ง จึงให้รวมกระทงลงโทษจำคุก ๑๕ ปี จำเลยรับลดกึ่งตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๑๘๖,๕๒๗ บาทให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยกับให้ริบบัญชีจำเลยจดเท็จนั้นด้วย
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๙ เม.ย.๒๕๐๐ ขอให้ศาลอาญากำหนดโทษจำเลยเสียใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓ (๑) โดยอ้างว่าโทษที่กำหนดตามคำพิพากษานั้นหนักกว่าโทษที่กำหนดตามประมวล ก.ม.อาญา
ศาลอาญาเห็นว่า กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมาย ม.๓ (๑) ที่ศาลจะต้องกำหนดโทษเสียใหม่ จึงให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นและกำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓ (๑) มีกำหนดโทษจำคุก ๘ ปี จำเลยรับลดกึ่ง เหลือ ๔ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๑๓๑,๒๓๐ รวมกำหนดโทษตามคำพิพากษา ๑๕ ปีนั้น เป็นการรวมกระทงลงโทษ มิใช่เป็นการลงโทษในบทที่หนัก ฉะนั้นโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในกรณีนี้ จึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ฯลฯ ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ (๑)
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ โดยยืมตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share