คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ในวันที่ 26 มิถุนายน 2490 ครั้นถึงวันนัดพิจารณา จำเลยให้การว่า ตามที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเรื่องเพิ่มโทษว่า เคยต้องโทษจริง แต่พ้นโทษมาเกิน 5 ปีแล้ว โจทก์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มีพยานมาสืบในข้อที่จำเลยเคยต้องโทษในวันนัด ดังนี้ ศาลไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์ เพราะเมื่อก่อนได้ทราบคำให้การจำเลย โจทก์ไม่ทราบประเด็นที่จะต้องสืบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลย โดยหาว่าจำเลยลักเรือมาดของนายยอม จำเลยปฏิเสธข้อหาฐานลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วสั่งงดสืบพยานจำเลย พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วดำเนินการพิจารณาใหม่ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๙๐ ครั้นถึงวันนัด จำเลยรับตามที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเรื่องเพิ่มโทษ ว่าเคยต้องโทษมาแล้วจริง แต่พ้นโทษมาเกิน ๕ ปีแล้ว โจทก์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มีพยานมาสืบในข้อเคยต้องโทษ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ ให้สืบพยานจำเลยต่อไป แล้ววินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานลักทรัพย์ตาม มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๖ เดือน และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยในข้อที่จำเลยเคยต้องโทษ แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นจดรายงานวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๔๙๐ สั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ วันที่ ๒๖ เดือนเดียวกันเวลา ๙.๐๐ น. ครั้นถึงวันนัด โจทก์แถลงว่าวันนี้ไม่มีพยานสืบ เพราะยังไม่ทราบว่าจำเลยจะให้การอย่างไร จึงต้องขอเลื่อนไปนัดหน้า และโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ถามคำให้การจำเลยเรื่องเพิ่มโทษ จึงอาจเป็นเหตุให้โจทก์เข้าใจว่า ศาลถามคำให้การจำเลยก่อนแล้วนัดสืบพยานในวันหลัง จำเลยยื่นคำให้การในวันที่ ๒๖ นั้นว่าเคยต้องโทษมาจริง แต่พ้นโทษเกิน ๕ ปีแล้ว เมื่อโจทก์ทราบคำให้การจำเลยดังนี้ รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องนำสืบในข้อเพิ่มโทษนี้ จึงของนัดสืบพยานต่อไป กรณีจึงมีเหตุผลควรอนุญาตให้เลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานในคราวหลัง
พิพากษายืน

Share