แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกเคยถูกอัยการฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฎว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมีให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อ ก.ม.ให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำธุระกิจรับฝากเงินจากประชาชนโดยจำเลยให้คำมั่นสัญญาจะจ่ายเงินคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๕๐ ของเงินฝากเมื่อสิ้นระยะ ๑ เดือน โจทก์ได้นำเงินไปฝากจำเลยหลายครั้งรวม ๑๙๐,๑๐๐ บาท ครั้นครบกำหนด ๑ เดือน จำเลยไม่จ่ายต้นเงินและดอกเบี้ย โจทก์ทวงถามหลายครั้งไม่เป็นผลโดยปรากฎว่าจำเลยเป็นลูกหนี้บรรดาผู้ฝากเงินรายต่าง ๆ ทั้งสิ้นรวม ๓๙,๒๘๕,๑๑๒ บาท ๘๐ สตางค์ แต่จำเลยมีทรัพย์สินเหลืออยู่เพียง ๓,๒๒๑,๖๐๑.๗๕ บาท จำเลยจึงเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาจำเลยล้มละลาย
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์และบุคคลอื่นนำเงินมามอบเพื่อรวมทุนกับจำเลยทำการค้าหวังกำไรหรือดอกแบ่งกัน ทุกคนต้องมีส่วนได้เสียเท่า ๆ กัน จำเลยไม่ได้รับฝากเงิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ ม.๑๔ ฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเท่านั้นข้อคัดค้านของจำเลยข้อนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีอาญาที่พนักงานอัยการนราธิวาสโจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกในความผิดฐานฉ้อโกงนั้น ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฎว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วยแล้ว การพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังนี้ย่อมตัดบทมิให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าข้อที่จำเลยขอยื่นบัญชีและสืบพยานต่อไปจึงไม่ต้องวินิจฉัย
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยมิได้อ้างข้อ ก.ม.ให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใด ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงให้ยกฎีกาจำเลย