คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อันการดำเนินกิจการของบริษัทจำกัดนั้นบริษัทหาจำต้องแสดงเจตนาโดยผู้แทนของบริษัทจำกัดเสมอไปไม่ บริษัทอาจถือเอาประโยชน์และต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนของบริษัทก็ได้
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดบุคคลคนหนึ่งหรือกว่านั้นให้เป็นตัวแทนของบริษัทจำเลยในการซื้อขายกับบริษัทโจทก์ย่อมถือได้แล้วว่าบริษัทจำเลยต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนที่ตนเชิดนั้น
ตราที่ประทับบนเอกสารปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยจะโต้แย้งว่าไม่ใช่หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรก็น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้เห็นชัดแจ้งได้โดยง่ายคำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บริษัทจำเลยชำระหนี้ค่าที่ยังคงค้างชำระรวมเป็นเงิน 62,852.17 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญาซื้อไม้กับโจทก์ไม่เคยได้รับไม้จากโจทก์ ใบรับท้ายฟ้องก็ไม่ใช่ของจำเลย ๆ เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและจดทะเบียนไว้ในข้อ 90 ว่าจำนวนหรือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทคือนางกิมเอง แซ่ว่อง ประธานกรรมการมีอำนาจลงลายมือชื่อแต่เพียงคนเดียวและประทับตราแทนบริษัทได้ ตามฟ้องของโจทก์มิได้มีประธานกรรมการหรือกรรมการของบริษัทจำเลยได้ทำการตามที่ฟ้องแต่ประการใดเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้าบริษัทจำเลยได้ทำตามที่โจทก์กล่าวจริงก็ต้องเป็นเพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิด โดยฝ่ายโจทก์ไม่ส่งไม้ให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้

ศาลแพ่งพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 62,852.17 บาทกับค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้วเห็นว่าอันการดำเนินคดีกิจการของบริษัทจำกัดนั้นบริษัทหาจำต้องแสดงเจตนาโดยผู้แทนของบริษัทจำกัดเสมอไปไม่ บริษัทอาจถือเอาประโยชน์และต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนของบริษัทก็ได้ ข้อเท็จจริงดังปรากฏตามคำพยานหลักฐานแห่งคดีตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์บรรยายมาโดยละเอียดนั้นเป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดนายเค่งหยี่และนางอารีให้เป็นตัวแทนของบริษัทจำเลย ในการซื้อขายไม้กับบริษัทโจทก์แม้ในระหว่างคดีนี้นายเค่งหยี่ก็ได้เข้าเป็นกรรมการของบริษัทจำเลย ข้อที่จำเลยฎีกาว่าการที่ศาลอุทธรณ์รับฟังว่าตราที่ประทับในเอกสารเป็นตราอันแท้จริงของบริษัทจำเลยไม่ถูกต้องนั้นศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อตราที่ประทับปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลย ๆ จะโต้แย้งว่าไม่ใช่หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรก็น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้เห็นชัดแจ้งได้โดยง่ายคำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าจำไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปได้ไม่ ข้อที่จำเลยว่าการที่บริษัทจำเลยออกเช็คให้บริษัทโจทก์ก็โดยบริษัทพนาโรจน์ขอให้จำเลยลงชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินนั้นก็เป็นการกล่าวเอาเองลอย ๆ ไม่เห็นมีเหตุผลอย่างใดที่บุคคลผู้ค้าขายธรรมดาจะพึงกระทำเช่นนั้นตามหลักฐานที่ปรากฏศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการพอเพียงที่แสดงได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดนายเค่งหยี่และนายอารีเป็นตัวแทนจำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยกเสียโดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์

Share