คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายคนหนึ่งฟ้องจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ต่อสาลชั้นต้นศาลหนึ่ง ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกันต่อศาลชั้นต้นอีกศาลหนึ่งการที่ศาลในคดีแรกพิพากษายกฟ้อง แต่ผู้เสียหายอุทธรณ์และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญาของผู้เสียหายในคดีหลังมาฟ้องระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) เพราะหาใช่เป็นกรณีที่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นไม่ คดีก่อนยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 โดยกล่าวว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์รวมเป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยไม่คืนและขอผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์กำลังจะฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยได้โอนขายที่ดินพร้อมกับเรือนให้ญาติของจำเลยไปโดยทุจริตเพื่อโกงโจทก์มิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ จำเลยไม่มีทรัพย์อื่นอีก ทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การว่า การโอนนั้นมิได้เจตนาฉ้อโกงโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 5 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าเป็นฟ้องซ้ำเพราะความผิดซึ่งโจทก์นำมาฟ้องนี้จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงธนบุรี เป็นกรรมเดียวกันและประเด็นข้อหาเดียวกันนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าได้ความว่า ในคดีนั้นนางจำรูญโจทก์ฟ้องว่านางจำรูญกำลังจะฟ้องเรียกเงินจากจำเลยและจำเลยโอนทรัพย์สินอย่างเดียวกับที่กล่าวในคดีนี้ด้วยเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงนางจำรูญมิให้ได้รับชำระหนี้คดีนั้น ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าไม่พอจะรับฟังว่าจำเลยทำการโอนโดยเจรนาจะมิให้นางจำรูญได้รับชำระหนี้และพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) นั้น สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปเมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แต่ในกรณีนี้ปรากฏว่า คดีที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ฟ้องซ้ำนั้น เป็นคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หาใช่เป็นคดีที่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นไม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามพิพากษายืน.

Share