คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์แล้ว ตามกฎหมายย่อมอ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เพียงใด ย่อมสุดแต่พยานหลักฐานนั้น ๆ ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียหายมาสืบโดยหาตัวไม่พบก็ตาม พยานอื่นที่รู้เห็นจริง ก็ฟังได้
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนา จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน หาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายร่างกายนายใหญ่ เพ็งสุข ๑ นัด โดยเจตนาฆ่าให้ตาย กระสุนปืนถูกตามร่างกายหลายแห่ง แต่ไม่ถูกส่วนสำคัญของร่างกาย นายใหญ่จึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้จำคุกจำเลย ๑๕ ปี ลดฐานพยายามฆ่า คงลงโทษจำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนยิงนายใหญ่ แม้ข้อที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าไม่มีตัวนายใหญ่ผู้เสียหายมาสืบ ไม่ควรรับฟังนั้น ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ พยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์แล้ว ตามกฎหมายย่อมอ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เพียงใด ย่อมสุดแต่พยานหลักฐานนั้น ๆ ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียหายมาสืบโดยหาตัวไม่พบก็ตาม พยานอื่นที่รู้เห็นจริง ก็ฟังได้
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนา จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน หาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
พิพากษายืน

Share