คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องหาว่าทำปลอมเอกสาร(จดหมายของผู้เสียหาย) ขึ้นทั้งฉบับ และใช้เอกสาร(จดหมาย)ปลอมนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทำเอกสาร(จดหมาย) นั้นขึ้นตามคำสั่งของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยก็ไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจปลอมแปลงจดหมายของนายคำมีขึ้นทั้งฉบับ จ่าหน้าถึงผู้พิพากษาศาลจังหวัดสกลนคร แล้วจำเลยเอาจดหมายนั้น ไปส่งให้นายสุทิน เพื่อให้นายสุทินหลงเชื่อว่าเป็นจดหมายของนายคำมีแท้จริง การกระทำของจำเลยน่าจะเกิดความเสียหายแก่นายคำมีและประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๔,๒๖๘
จำเลยให้การ จำเลยเขียนเอกสารตามฟ้องจริง แต่นายคำมีบอกให้เขียน และให้เซ็นชื่อแทน จำเลยไม่ได้ปลอมแปลง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ได้มีการเขียนจดหมายขึ้นเพื่อส่งให้แก่ผู้พิพากษาทุกคนรวม ๓ ฉบับในคราวเดียว การเขียน การลงชื่อในจดหมาย จ.๒ ฉบับที่โจทก์ฟ้อง จำเลยได้ทำไปตามคำสั่งของนายคำมี จำเลยหมามีเจตนาทุจริตไม่ และยังมีข้อความตรงกับจดหมาย จ.๑ อันเป็นฉบับที่นายคำมีเซ็นชื่อเอง จึงไม่มีทางจะก่อให้เกิดความเสียหาย หรืออาจเกิดความเสียหายแก่นายคำมี หรือแก่ผู้อื่น หรือประชาชนได้ ฎีกาโจทก์ ๒ ข้อแรกที่เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม ส่วนข้อที่ว่าการที่จำเลยทำจดหมาย จ.๒ แม้ทำตามคำสั่งของนายคำมีผู้เสียหาย ก็น่าจะเกิดการเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยทำจดหมาย จ.๒ ตามคำสั่งผู้เสียหายแล้ว ก็ไม่น่าจะเกิดความเสียหายดังโจทก์อ้าง พิพากาษายืน

Share