แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ละทิ้งที่สวนซึ่งยังไม่มีโฉนดต้องละทิ้งไป 9 ปี 10 ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิอ้างฎีกาที่ 447,448/2471 การครอบครองอันเป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิจะเป็นที่มีหรือไม่มีหนังสือสำคัญก็ดีต้องมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี ตาม ม.1382 อ้างฎีกาที่ 244/2480 ที่ดินซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธินั้น จะอ้าง ม.1375 มาตัดฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
ที่รายพิพาทเป็นที่ ๆ โจทก์ขอใบเหยียบย่ำตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๘ และทำที่รายนี้เป็นสวนยางพารารับเบอร์ และได้ปกครองอยู่ตลอดมา ในระหว่าง พ.ศ.๒๔๗๕ ถึง ๒๔๗๙ โจทก์ไปอยู่เสียที่ไทรบุรี ใน พ.ศ.๒๔๗๙ โจทก์กลับมาจะเข้าครอบครองสวนรายพิพาท แต่จำเลยเข้าครอบครองอยู่เสียขณะแต่โจทก์ละทิ้งไป และไม่ยอมให้โจทก์เข้าครอบครอง จึงฟ้องขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าที่รายนี้โจทก์ได้ทำให้มีสภาพเป็นสวนแต่ปี พ.ศ.๒๔๖๘ ก่อนใช้ประมวลแพ่ง ฯ บรรพ ๔ ตามหลักกฎหมายเดิม การละทิ้งที่ประเภทนี้แม้ยังไม่มีโฉนดต้องละทิ้งไป ๙ ปี ๑๐ ปี จึงจะขาดกรรมสิทธิ ตายนัยฎีกาที่ ๔๔๗,๔๔๘/๒๔๗๑ หรือจะว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาเกิน ๑ ปีย่อมขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๑๓๗๕ ก็ไม่ได้ เพราะการครอบครองอันเป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิจะเป็นที่มีหรือไม่มีหนังสือสำคัญก็ดี ต้องมีกำหนดระยะเวลา ๑๐ ปี ตาม ม.๑๓๘๒ ดังนัยฎีกาที่ ๒๔๔/๒๔๘๐ จึงพิพากษาให้ขับไล่จำเลย