คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินโดยให้ค่านายหน้าร้อยละ 5 และส่วนที่ขายได้เกินตารางวาละ 2.75 บาท ให้เป็นของโจทก์ด้วย แต่ถ้าจำเลยขายได้เองหรือมีผู้นำเอาไปขายให้ได้แล้วสัญญานี้เป็นระงับทำสัญญาแล้วได้ 8 เดือน โจทก์ก็ยังขายไม่ได้จำเลยจึงแบ่งที่ออกเป็น 10 แปลง แล้วมีผู้อื่นมารับเป็นนายหน้าขายที่ดินไปได้ 8 แปลง โดยโจทก์ก็ทราบดังนี้ สัญญานายหน้าระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันระงับ

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยทำสัญญาให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินของจำเลยโดยให้ค่านายหน้าร้อยละ ๕ และส่วนที่ขายได้เกินตารางวาละ ๒.๗๕ บาท ให้เป็นของโจทก์ด้วย ความในสัญญาตอนหนึ่งมีว่า ถ้าจำเลยขายได้เองหรือมีผู้นำเอาไปขายได้แล้วสัญญาฉะบับนี้เป็นอันใช้ไม่ได้ ทำสัญญาได้แล้ว ๘ เดือน โจทก์ก็ยังขายที่ไม่ได้จำเลยจึงถนนยาวตลอดที่แบ่งที่ออกเป็น ๑๐ แปลง และมีผู้อื่นขายไปได้ ๘ แปลงแล้ว ราคาตารางวาละ ๓ บาทเสียค่านายหน้าร้อยละ ๕ แปลงรายพิพาทนี้อยู่ติดด้านถนนใหญ่ โจทก์ได้พา ช.มาซื้อไปราคาตารางวาละ ๔ บาท ๕๐ สตางค์ ส่วนค่านายหน้านั้นโจทก์ยอมให้บุคคลอื่นไปจะขอรับแต่ราคาที่ขายเกินตารางวาละ ๒.๗๕ บาท จำเลยไม่ให้ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์กลับโดยเห็นว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเลิกจากกันแล้ว จึงให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตัดสินว่า เมื่อจำเลยได้เปลี่ยนรูปที่ดินไปหมดเพื่อให้ราคาดีขึ้น ประกอบกับโจทก์เองก็ทราบถึงการที่มีคนอื่นมาเป็นนายหน้าขายที่ให้จำเลย โดยคิดค่านายหน้าอย่างเดียวร้อยละ ๕ จึงเห็นว่าสัญญาเดิมได้เลิกกันแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตาม

Share