คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การไม่คัดค้านให้ขายทอดตลาดที่ดินอันเป็นส่วนของจำเลยเสียทั้งหมดในคราวก่อน ไม่เป็นการตัดสิทธิปิดปากที่จะมิให้โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งยังเป็นของจำเลยอยู่ในบัดนี้
ที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้น นายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไรโจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้

ย่อยาว

ได้ความว่า ที่ดินตราจองที่ ๘๙๙ เนื้อที่ทั้งหมด ๖ ไร่เศษ มีชื่อจำเลยกับผู้ร้องถือสิทธิร่วมกัน เดิมได้ถูกยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในคดีแพ่ง ศาลจังหวัดสมุทรสงครามเลขแดงที่ ๘๔/๒๔๙๗ ครึ่งหนึ่ง โดยถือตามตราจองที่มีชื่อจำเลยกับผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีร่วมกัน โจทก์ในคดีนี้และผู้อื่นอีก ๓ ราย ในฐานะ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทุกรายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ ในที่สุดเมื่อได้ขายทอดตลาดที่ดิน เฉพาะส่วนที่ยึดและโจทก์ได้รับเฉลี่ย แต่หนี้ของโจทก์ยังค้างแก่จำเลยอยู่อีก โจทก์จึงขอยึดที่ดินในตราจองอีก ๒ ไร่เศษว่า เป็นส่วนของจำเลยที่ยังเหลือจากการยึดขายครั้งแรกนี้ สำหรับตราจองนั้นได้ใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดแทนชื่อจำเลยไปตามคำสั่งศาล
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลทั้งสองว่า โจทก์มีสิทธิยึดส่วนของจำเลยได้ คือที่ดินซึ่งเป็นส่วนของจำเลยยังมีอีก ๒ ไร่ หรือ ๒ ใน ๓ ส่วนของจำนวนเนื่อที่ที่เหลือจากการยึดครั้งแรก
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อโต้แย้งของผู้ร้องที่เป็นข้อกฎหมายว่า การไม่คัดค้านให้ขายทอดตลาดที่ดินอันเป็นส่วนของจำเลยเสียทั้งหมดในคราวก่อน ไม่เป็นการตัดสิทธิปิดปากที่จะมิให้โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งยังเป็นของจำเลยอยู่ในบัดนี้ ส่วนที่จำเลยได้ถูกถอนชื่อออกและใส่ชื่อนายนิยมผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดคดีก่อนแทนลงไปในตราจองตามคำสั่งศาลแล้วนั้น นายนิยมก็มีสิทธิอยู่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตนเป็นผู้ซื้อ แต่เมื่อส่วนของจำเลยที่ยังเหลือ ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้เสียสิทธิไปแก่ผู้ใดโดยกรณีอย่างไร โจทก์ก็ยังนำยึดที่ดินส่วนที่ยังเหลืออันเป็นของจำเลยได้

Share