แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 แต่ไม่ได้ระบุมาว่า การที่จำเลยแจ้งความเท็จนั้น อาจทำให้ผู้ใดหรือประชาชนเสียหาย แม้จะอ่านคำบรรยายฟ้องโดยทั่วไปก็ไม่อาจทราบความข้อนี้ได้ ดังนี้ ฟ้องโจทก์ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวนั้นจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
การช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 นั้นจะต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ 1.โดยให้ที่พัก หรือ 2.โดยซ่อนเร้นหรือ 3.โดยช่วยอย่างอื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การบรรยายฟ้องมีใจความแต่เพียงว่าจำเลยกล่าวเท็จต่อเจ้าพนักงานในเรื่องทำพินัยกรรมเพื่อช่วยเหลือพวกที่ต้องหาว่าสมคบกันทำพินัยกรรมปลอมเพื่อไม่ให้ต้องโทษ และเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วก็ไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์หาว่าจำเลยกระทำเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุม ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ขาดองค์ความผิดตามมาตรา 189 จะลงโทษจำเลยย่อมไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ เวลากลางวัน จำเลยได้ไปให้การเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนในคดีอาญาเรื่องทำพินัยกรรมปลอม โดยบังอาจกล่าวเท็จว่าจำเลยได้ลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญในคดี ซึ่งความจริงจำเลยได้ลงชื่อในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๕ หลังจากเจ้ามรดกตายแล้ว ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือพวกผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบกันทำพินัยกรรมปลอมเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒,๑๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๘๙ บทเดียว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ และสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ แล้วและการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๙
ศาลฎีาวินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ นั้นจะต้องเป็นกรณีที่อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุว่า อาจทำให้ผู้ใดหรือประชาชนเสียหาย แม้อ่านคำบรรยายฟ้องโดยทั่วไปก็ไม่อาจรู้ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ ไม่มีทางลงโทษตามมาตรานี้ได้
เกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๙ นั้น เห็นว่าการช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษอันจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ จะต้องกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดใน ๓ ประการที่ระบุไว้ คือ ๑.โดยให้ที่พำนัก ๒.โดยซ่อนเร้น ๓.โดยช่วยอย่างอื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกล่าวเท็จต่อเจ้าพนักงานในเรื่องทำพินัยกรรม เพื่อไม่ให้ต้องโทษเป็นการบรรยายเฉพาะองค์ความผิดที่ว่า “ช่วยผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ” ส่วนองค์ความผิดตอนที่ว่า ช่วยโดยให้ที่พำนัก หรือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมนั้น โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง และตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่อาจให้รู้ได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุม เมื่อฟ้องขาดองค์ความผิด จึงไม่มีทางลงโทษตามมาตรานี้ได้ดุจกัน
พิพากษายืน