คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรือนพิพาทเป็นของผู้ตายกับภรรยา แต่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้ตายตายแล้วบุตร์ผู้ตายซึ่งเกิดจากภรรยาอื่นได้ขายเรือนจัดการทำศพและชำระหนี้แทนผู้ตาย โดยภรรยาผู้ตายละทิ้งผู้ตายไปโดยไม่ทราบว่า ไปอยู่ที่ใด ผู้ซื้อได้รับโอนทางทะเบียนโดยสุจริต ดังนี้ภรรยาผู้ตายจะขอให้เพิกถอนหรือทำ+ซื้อขายไม่ได้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 1288 และ มาตรา 13+

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งทำลายสัญญาซื้อขายเรือนซึ่งเป็นทรัพย์ระหว่างผู้ตายกับโจทก์ซึ่งเป็นภรรยา และโจทก์มีสิทธิ์รับมฤดก แล้วให้จำเลยคืนเรือน หรือใช้ราคาทรัพย์
ศาลพิจารณาได้ความว่า โจทก์กับนายบุญช่วยผู้ตายเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาได้เช่าที่กรมรถไฟปลูกเรือนรายพิพาท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ โจทก์ระหองระแหงกันแล้วโจทก์ไปอยู่จังหวัดนครราชสีมา โดยไม่บอกผู้ตายหรือบอกให้ผู้ใดทราบ ไปแล้วไม่ส่งข่าวคราว เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๔๘๕ นายบุญช่วยตาย นางสาวสนิทบุตร์ผู้ตายซึ่งเกิดจากภรรยาอื่นได้โอนขายเรือนให้จำเลย ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๗ โจทก์กลับมารู้เรื่องจึงมาฟ้องเป็นคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทำตามสัญญาการซื้อขาย
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า น.ส.สนิทผู้ขายเป็นผู้รับมฤดกและจัดการศพชำระหนี้แทนผู้ตาย ได้จัดการขายทรัพย์เพื่อใช้จ่ายในการทำศพและชำระหนี้ การซื้อขายทำโดยเปิดเผยต่อกรรมการอำเภอ การซื้อขายรายนี้ได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน สิทธิ์ของโจทก์มิได้จดทะเบียน จึงยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้วโดยสุจริตไม่ได้ตาม มาตรา ๑๒๙๙ และจะขอเพิกถอนทะเบียนไม่ได้ตาม มาตรา ๑๓๐๐ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง และยื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share