แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากโจทก์ไปเพื่อปลูกเป็นอาคารให้ผู้อื่นเช่าทำการค้าขาย เมื่อโจทก์บอกเลิกแล้ว ก็เป็นอันยุตติจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ แต่อย่างใดเลย
เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิที่จะคงเช่าอยู่ต่อไปแล้ว ผู้ที่เช่าจากจำเลยก็ไม่มีทางที่จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ มาคุ้มครองหรือใช้ยันแก่โจทก์ได้ เพราะบุคคลเหล่านี้มิใช่เป็นผู้เช่าจากโจทก์.
(อ้างฎีกา 1216/2491)
ย่อยาว
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นจำเลยแต่ผู้เดียวว่า จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือสัญญาเช่าที่โจทก์เพื่อปลูกสร้างโรงเรือนกำหนดต่ออายุสัญญาเช่าปีละครั้ง และมีข้อตกลงว่า ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินคืนเมื่อใด จำเลยที่ ๑ ต้องส่งมอบคืนภายใน ๓๐ วัน บัดนี้โจทก์ต้องการที่ดินคืน ได้บอกเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยที่ ๑ แล้ว จำเลยที่ ๑ ขัดขืน จึงขอให้ขับไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเรียกค่าเสียหาย จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยเช่าที่มาปลูกห้องแถว และมีผู้เช่า เช่าทำการค้าขายตลอดมาเป็นเวลา ๒๐ กว่าปี จำเลยเต็มใจรื้อห้องแถวไป แต่ผู้เช่าไม่ยอมออก จำเลยจึงรื้อไม่ได้ และจำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ขอให้เรียกผู้เช่ามาเป็นจำเลยร่วม คงมีผู้เช่ายอมร่วมเข้ามาเป็นจำเลย ๕ คน จำเลยทั้ง ๕ ว่าไม่ต้องออกจากที่เช่า เพราะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ๒๔๘๙ จำเลยที่ ๑ ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายมาโนฮาซิงห์กับนายวิทยาเป็นจำเลย ขอให้ขับไล่ออกจากห้องแถวในคดีสำนวนอื่นอีก ๒ สำนวน ซึ่งจำเลยใน ๒ สำนวนให้การว่าได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเช่นเดียวกัน ศาลสั่งรวมพิจารณา
ในชั้นพิจารณา โจทก์ขอให้ศาลสอบถามจำเลยที่ ๑ ๆ ว่าไม่ยอมเลิกสัญญาเช่า เพราะหนี้ไม่เปิดช่องให้ปฏิบัติ ถ้าผู้เช่าออก ก็จะรื้อถอนไป จำเลยอื่นแถลงว่าที่ ๆ เช่านั้น ทั้งอยู่อาศหัยและค้าขายด้วย ซึ่งโจทก์ยอมรับในข้อนี้ โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพะยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง ๓ สำนวน ศาลอุทธรณ์แก้ให้ขับไล่จำเลยที่ ๑ กับบริวารและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เป็นของตนออกจากที่รายนี้
จำเลยที่ ๑, และผู้เข่าที่เป็นจำเลยร่วมทั้ง ๕ คน ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แต่อย่างใด เพราะจำเลยมิได้เช่าเพื่ออยู่อาศัย หากเช่าไปปลูกเป็นอาคารให้ผู้อื่นเช่าทำการค้าขาย เมื่อโจทก์บอกเลิกแล้ว ก็เป็นอันยุตติ
เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่มีสิทธิที่จะเช่าอยู่ต่อไปแล้ว จำเลยร่วมอื่น ๆ ผู้เช่าจากจำเลยที่ ๑ ก็ไม่มีทางอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มาคุ้มครอง หรือใช้ยันแก่โจทก์ได้ เพราะจำเลยเหล่านั้นมิใช่ผู้เช่าจากโจทก์
พิพากษายืน.