คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปในร้านขอซื้อสุราเจ้าของร้านบอกว่าหมดเวลาแล้วขายไม่ได้ จำเลยพูดว่าไม่ขายก็จะเอาไปกินเฉย ๆ จะทำอะไรเขา แล้วจำเลยหยิบขวดสุราออกจากร้านไปด้วย ดังนี้เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเข้าองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

ย่อยาว

คดีมีประเด็นสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๓ ซึ่งได้ความว่า จำเลยที่ ๓พร้อมด้วยจำเลยที่ ๑, ๒ ได้ไปที่ร้านผู้เสียหายจำเลยที่ ๑ – ๓ พูดขอซื้อสุราแม่โขงครึ่งขวด ผู้เสียหายว่าหมดเวลาแล้วขายไม่ได้ จำเลยที่ ๓ พูดว่าไม่ขายก็จะเอาไปกินเฉย ๆ จะทำอะไรเขา แล้วจำเลยหยิบขวดสุราแม่โขงครึ่งขวดซึ่งตั้งอยู่ที่ขายออกจากร้านไป แล้วพากันขึ้นรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ขับเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ ๓ กับพวกได้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖, ๘๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๓ มีผิดตามฟ้อง จำคุก ๓ ปี ยกฟ้อง จำเลยที่ ๑ – ๒
จำเลยที่๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๓ มีผิดตามมาตรา ๓๓๔ จำคุก ๘ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๓ หยิบขวดสุราแม่โขงครึ่งขวดของผู้เสียหายไปต่อหน้าผู้เสียหายแล้วเดินออกจากร้าน เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเข้าองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์แล้ว
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share