คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาขายทอดตลาดเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีอื่น ย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้ แม้จะปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้โอนที่ดินแปลงอื่นของตนให้แก่บุตรภายหลังคำพิพากษา แม้เป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ซึ่งชอบที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะไปว่ากล่าวฟ้องร้องต่างหาก ในชั้นนี้มีปัญหาว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถเอาชำระหนี้ จากทรัพย์สินของลูกหนี้ได้หรือไม่เท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกันศาลพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยนำยึดที่ดินโฉนดที่ ๕๐๗๖ ของโจทก์และขายทอดตลาดได้เงิน ๒๔,๐๕๐ บาท
ก่อนวันขายทอดตลาด ๒ วันผู้ร้องยื่นคำร้องว่าตนเป็นเจ้าหนี้ โจทก์ตามคำพิพากษา ขอรับส่วนเฉลี่ย
วันนัดพร้อม จำเลยแถลงว่าโจทก์ยังมีที่ดินอีก ๒ โฉนด แต่โจทก์ได้โอนให้แก่บุตรของโจทก์ภายหลังที่ศาลพิพากษาคดีที่โจทก์จำเลยยอมความกันแล้วและคัดค้านไม่ยอมให้ผู้ร้องรับส่วนเฉลี่ย สำหรับที่ดิน ๒ โฉนดนี้โจทก์ยอมรับว่าได้โอนไปแล้วจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การโอนของโจทก์ภายหลังที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ย ในราคาทรัพย์ของโจทก์ที่จำเลยนำยึด
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในขณะนี้โจทก์ไม่มีทรัพย์อื่นใดที่ผู้ร้องจะสามารถนำยึดเอามาชำระหนี้ของตนได้ นอกจากขอรับส่วนเฉลี่ยในทรัพย์ของโจทก์ผู้เป็นลูกหนี้จำเลยและผู้ร้อง ส่วนที่โจทก์โอนที่ดินบุตรโจทก์ไปแล้วนั้น เป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งชอบจะไปว่ากล่าวฟ้องร้องกันต่างหาก ในชั้นนี้มีปัญหาเพียงว่า ผู้ร้องสามารถจะเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ได้หรือไม่ เมื่อปรากฏว่าในขณะนี้โจทก์ไม่ทรัพย์อื่นใดให้ผู้ร้องได้อีก สิทธิของผู้ร้องที่จะรับส่วนเฉลี่ย ในทรัพย์รายที่จำเลยนำยึดย่อมมีขึ้น
พิพากษายืน

Share