คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกที่นามือเปล่าจากจำเลย โดยอ้างว่ามอบให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขานให้และจำเลยได้ครอบครองที่นานั้นมา เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพะยาน ศาลก็ตัดสินให้จำเลยชนะคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญากู้เงินจำเลยมา และมอบที่นาฟางลอย ยังไม่มีโฉนดให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์นำเงินไปชำระให้จำเลย ๆ ไม่ยอมรับเงินและไม่ยอมคืนสัญญากู้กับที่นาให้โจทก์
จำเลยให้การแก้ว่า โจทก์ขายที่นาแก่จำเลย และจำเลยได้เข้าครอบครองมา ๓ ปีแล้ว
คู่ความรับกันว่าที่พิพาทยังไม่มีหนังสือสำคัญและต่างไม่สืบพะยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้แพ้คดี
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยอ้างว่าโจทก์สละเจตนาครอบครองโดยขายที่พิพาทนี้ให้จำเลย แต่จำเลยไม่นำสืบให้สมข้อต่อสู้และจำเลยก็ครอบครองที่ดินรายนี้มาไม่ถึง ๑๐ ปี จึงไม่เป็นเหตุให้จำเลยได้กรรมสิทธิจึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จริงอยู่แต่ก่อนนารายนี้เป็นของโจทก์ แต่จำเลยเถียงว่าโจทก์ขายให้จำเลยแล้ว และจำเลยเป็นผู้ครอบครองมา นามือเปล่าแม้ขายด้วยปากก็ต้องวินิจฉัยว่าผู้ขายสละเจตนาครอบครอง จึงเป็นหน้าที่โจทก์นำสืบ เมื่อโจทก์ไม่สืบโจทก์ก็แพ้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์จำเลยรับกันว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินรายพิพาท ซึ่งต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า จำเลยเป็นเจ้าของ เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของในที่พิพาท จึงเป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องพิศูจน์ตามฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่พิศูจน์โจทก์ก็แพ้จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share